โฆษก ทอ. แจง “ทรัมป์” ปมต่อต้านตอบโต้ ยันกองทัพไทยปฏิบัติการบนพื้นฐานป้องกันตนเอง ใช้กำลังเท่าที่จำเป็น เผยทำลายหลายเส้นทางส่งกำลังบำรุง ทบ. ชี้ไม่มีใครเชื่อ 100% ว่าหยุดยิงจนกว่ากัมพูชาจะชัดเจน


วันที่ 13 ธันวาคม 2568 ในการแถลงของศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าจะมีการหยุดยิงในช่วงเย็นวันนี้จริงหรือไม่ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุว่า คงไม่สามารถยืนยันได้ในเรื่องนี้ เพราะปัจจุบันสิ่งที่เขาพูด กับสิ่งที่เขาทำ คนละเรื่องกันเลย เขาพูดว่าอยากจะเจรจาสงบศึก มีการลงนามในปฏิญญาร่วม (Joint Declaration) แต่บนกระดาษกับสิ่งที่กัมพูชาทำ มันคนละด้านกันเลย และเห็นชัดเจนว่ายังมีการโจมตีต่อเป้าหมายทั้งหลายของทางฝ่ายไทย ซึ่งกัมพูชาเป็นฝ่ายริเริ่มสถานการณ์ต่างๆ เราไม่ได้เป็นฝ่ายรุกราน ไม่ได้ริเริ่มโจมตี เราทำเพื่อป้องกันอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยเท่านั้น ฉะนั้น เรื่องที่เขาบอกว่าจะมีการเจรจาช่วงบ่ายนี้หรือไม่ ตนคิดว่าคงไม่มีฝ่ายใดที่จะเชื่อ 100% จนกว่าจะมีความชัดเจนและมีความจริงใจจากฝ่ายกัมพูชา

ส่วนคำถามว่าแนวโน้มสถานการณ์เรื่องการสกัดหรือตัดตอนการขนส่งอาวุธจากต้นทางฝั่งกัมพูชา ภาพรวมขณะนี้เราสามารถทำได้มากน้อยขนาดไหน และประเมินถึงความเสี่ยงของทีมเจ้าหน้าที่อย่างไรบ้าง พ.อ.ริชฌา กล่าวว่า เรื่องปฏิบัติการทางการทหาร ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติการของกองทัพอากาศในการโจมตีต่อเป้าหมาย เป็นส่วนที่เรามีการกำหนดไว้ว่าเป็นเป้าหมายที่จะสามารถลิดรอนขีดความสามารถของกัมพูชา ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สอดรับกับปฏิบัติการภาคพื้นดินของกองทัพบกและกองทัพเรือ

...

ทางด้าน พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ ชี้แจงเสริมว่า เป้าหมายเหล่านี้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าในแต่ละพื้นที่ปะทะจะมีช่องทางการส่งกำลังบำรุงอย่างไรบ้าง ช่องทางสำคัญคือที่สำหรับขนและเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์หนัก เช่นกรณีเมื่อคืนนี้ที่ไปโจมตีสะพาน เพราะเป็นพื้นที่ขนอาวุธหนักเข้ามาสู่พื้นที่ปฏิบัติการ ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการปฏิบัติการของกำลังฝ่ายไทย เราจึงได้รับการร้องขอให้เข้าไปโจมตีเพื่อตัดเส้นทางการส่งกำลังบำรุง ซึ่งมีเส้นทางเช่นนี้อยู่หลายพื้นที่ ไม่ขอยืนยันว่าโจมตีไปกี่ที่ แต่เราโจมตีไปได้หลายที่มากๆ แล้ว ส่งผลให้การส่งกำลังบำรุงไปยังแนวหน้าลดลงไปมากพอสมควร เพราะการยิงจะส่งผลกระทบกับพี่น้องประชาชนในเชิงลึกในประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้น แต่ในเชิงปะทะยังคงต้องมีการสู้รบกันต่อไป

“ในเรื่องการดำเนินการของกองทัพ เมื่อวาน (12 ธันวาคม) ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ ใช้คำว่า Retaliate แปลง่ายๆ คือเราต่อต้านหรือตอบโต้การปฏิบัติการของฝั่งตรงข้าม ณ วันนี้ เวลานี้ กองทัพไทยปฏิบัติการบนพื้นฐานของการป้องกันตนเองครับ เราใช้กำลังเท่าที่จำเป็น และได้สัดส่วนกับสิ่งที่เป็นภัยคุกคามต่อเรา”

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าเราพยายามที่จะดำเนินการในทุกๆ ภาคส่วน ในการลดผลกระทบกับพี่น้องประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ สังเกตได้จากการเลือกเป้าหมายต่างๆ การใช้อาวุธ เป็นต้น และกองทัพรู้ว่าระเบิดที่ทิ้งไป ยิงไป จะครอบคลุมพื้นที่มากน้อยแค่ไหน ดังนั้น เราเลือกใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูง เป็นความแม่นยำที่เรามั่นใจได้ว่าไม่ส่งผลกระทบกับพี่น้องประชาชนที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งตรงนี้ เป็นหลักคิดบนพื้นฐานการปฏิบัติการมาตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน เรายังยึดอยู่บนพื้นฐานของหลักคิดว่า ทำเท่าที่จำเป็น และส่งผลกระทบเฉพาะการลิดรอนศักยภาพทางการทหารของกัมพูชาเท่านั้น.