เลขาธิการ กกต. แจง ข้อกฎหมายในการแบ่งเขตเลือกตั้ง หากยุบสภาต้นปี 2569 ต้องใช้ตัวเลขประชากรสิ้นปี 2568 มาคำนวณ ต้องดำเนินการแบ่งเขตให้แล้วเสร็จภายใน 5 วันนับแต่มีพระกฤษฎีกาประกาศให้มีการเลือกตั้ง เพื่อให้พรรคจัดสรรคนลงสมัครในเขตเลือกตั้งต่างๆได้


วันที่ 11 ธ.ค. 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. โพสต์เฟซบุ๊ค ระบุว่าการแบ่งเขตเลือกตั้ง สส. กับจำนวนราษฎร ถ้ายุบสภาปลายปีของอีกปีหนึ่ง แต่ไปเลือกตั้งในอีกต้นปีของอีกปีหนึ่ง จะใช้ราษฎรที่ประกาศปีสุดท้ายของปีไหน ตามมาตรา 12 เมื่อมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ภายใน 5 วัน กกต. ต้องประกาศจำนวนเขตเลือกตั้งที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี วันรับสมัคร และวันเลือกตั้ง และ มาตรา 26 กำหนดว่าในการแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้าย ก่อนปีที่มีการเลือกตั้ง


นายแสวง กล่าวว่า การนำจำนวนราษฎรปีไหนมาคำนวณ ในกรณีปกติ คือ กรณีต้องจัดเลือกตั้งอยู่ภายในปีเดียวกันกับปีที่มีการประกาศให้พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง กรณีนี้ในทางปฏิบัติจะมีความชัดเจนอยู่แล้ว ให้ใช้จำนวนราษฎรในปีสุดท้ายก่อนมีการเลือกตั้ง แต่อาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง หากมีการยุบสภาในต้นปี อาจเป็นเวลาเดียวกับการ ประกาศจำนวนราษฎรสิ้นปี ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยจะประกาศประมาณกลางเดือนมกราคมของทุกปี กกต. ต้องนำจำนวนราษฎร มาคำนวณเขตที่พึงมีให้เสร็จก่อน 5 วัน นับแต่มีพระกฤษฎีกาประกาศให้มีการเลือกตั้ง เพื่อให้มีเขตให้ผู้สมัคร และพรรคการเมืองได้มีเขตในการคัดสรรลงสมัคร ว่าจะส่งสมาชิกผู้ใดลงสมัครในเขตเลือกตั้งใด แต่หากมีกรณีเกิดขึ้นจริง สำนักงานก็ได้เตรียมรับมือไว้แล้ว

...


นายแสวง ยังกล่าวถึงกรณีพิเศษว่า เป็นกรณีที่ประกาศให้มีพระราชกฤษฎีกาในปีหนึ่ง แต่ไปกำหนดวันเลือกตั้งอีกปีหนึ่ง เมื่อพิจารณาจากกฎหมายแล้ว ต้องถือตามจำนวนราษฎรก่อนปีที่มีประกาศให้มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ไม่ใช่ ก่อนปีที่กำหนดให้เป็นวันเลือกตั้ง ตามมาตรา 12 ประกอบมาตรา 16 ที่กำหนดเป็นปีที่มีการเลือกตั้ง ไม่ใช่ ปีที่เป็นวันเลือกตั้ง