สว.หวั่นข้อครหาแก้รัฐธรรมนูญ ขอถอน 3 ข้อ ให้ตั๋วพิเศษ สว.อยู่ยาวครบวาระ หวั่นถูกมองแฝงวาระซ่อนเร้น ขณะที่พรรคเพื่อไทยจี้ออกกฎเหล็กควบคุมการใช้ดุลยพินิจองค์กรอิสระ 


เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 11 ธ.ค. 2568 ที่รัฐสภา ที่ประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม วาระที่ 2 เป็นวันที่สอง ดำเนินมาจนถึงมาตรา 256/26 ที่บัญญัติเนื้อหาสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญ โดยนายชัยชนะ เดชเดโช สส.พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้เพิ่มข้อความใน (10) กำหนดให้มีมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ องค์กรตามรัฐธรรมนูญ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ และกลไกในการดำเนินการกรณีมีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม

ขณะที่นางสาวรัชนีกร ทองทิพย์ กรรมาธิการเสียงข้างน้อย เสนอให้เพิ่มเนื้อหา ให้นำบทบัญญัติในหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาบัญญัติไว้โดยมิให้มีการแก้ไข ให้คงไว้ซึ่งหมวดแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และให้คงไว้ซึ่งที่มาของสมาชิกวุฒิสภา คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งหน้าที่และอำนาจขององค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ และศาล ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2560

ด้านนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ กรรมาธิการเสียงข้างน้อยที่ได้สงวนคำแปรญัตติเปิดโอกาสให้ สว. ที่พ้นจากวาระไปแล้วสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ ได้ โดยไม่มีข้อจำกัดด้านระยะเวลา รวมถึงให้คงบทเฉพาะกาลให้มีการรับรองสมาชิกภาพของ สว. ตาม รธน. ปี 2560 และให้รับรองวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการในองค์กรอิสระให้ดำรงตำแหน่งจนครบวาระนั้น นายพิสิษฐ์ ระบุว่า มีคนนำข้อเสนอของตนไปตีความบิดเบือน ดังนั้นเพื่อไม่ให้มีข้อกังวลขึ้นอีก จึงขอถอนคำแปรญัตติที่เคยเสนอทั้งหมด

...


นายธีระชัย แสนแก้ว ขอแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา 256 (6) จำกัดขอบเขตการใช้ดุลยพินิจขององค์กรของรัฐ องค์กรอิสระ และองค์กรตุลาการ มีกลไกในการป้องกันและตรวจสอบการใช้อำนาจตามอำเภอใจ รวมทั้งมีมาตรการถอดถอนและลงโทษบุคคลในองค์กรของรัฐ องค์กรอิสระ และองค์กรตุลาการ โดยสภาผู้แทนราษฎรและประชาชน โดยให้ความเห็นว่าที่ผ่านมามีองค์กรอิสระบางรายกระทำการเกินอำนาจหน้าที่ ไม่มีความเป็นกลาง แต่กลับไม่มีกลไกในการตรวจสอบองค์กรเหล่านี้ได้



ในที่สุดที่ประชุมมีมติตามการแก้ไขของกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนนเสียง 547 ต่อ18 งดออกเสียง6 ไม่ลงคะแนน6  ทำให้การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญจัดทำ และรัฐสภาให้ความเห็นชอบ จะต้องมีเนื้อหาที่สำคัญดังต่อไปนี้ด้วย

(1) การรับรองความเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้

(2) การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ๑๖

(3) การคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสวัสดิการขั้นพื้นฐานของ

ประชาชน

(4) การกำหนดสถาบันทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันทางการเมือง

ให้ยึดโยงกับประชาชน ประชาชนตรวจสอบถ่วงดุลได้ และมีความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มากขึ้น

(5) การวางกลไกที่มีประสิทธิภาพ การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ในการป้องกัน และขจัด

การทุจริตและประพฤติมิชอบ การใช้อำนาจโดยมิชอบ และผลประโยชน์ทับซ้อน

(6) การจำกัดขอบเขตการใช้อำนาจรัฐและการใช้ดุลพินิจขององค์กรของรัฐ

(7) การสร้างเสริมความเข้มแข็งของหลักนิติธรรมและหลักธรรมาภิบาล รวมถึงการบังคับใช้

กฎหมายอย่างเสมอภาค

(8) การบริหารราชการแผ่นดินและการขับเคลื่อนนโยบายรัฐที่ยืดหยุ่น คล่องตัว และตอบสนอง

ต่อความเปลี่ยนแปลงและความต้องการของประชาชน

(8/1) การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

(9) การวางหลักเกณฑ์การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

ในกรณีที่มีปัญหาว่าเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญเสนอ

ต่อรัฐสภาตามมาตรา 256/27 มีเนื้อหาสำคัญตามวรรคหนึ่งหรือไม่ ให้รัฐสภาเป็นผู้วินิจฉัย และให้คำวินิจฉัย

ของรัฐสภาเป็นที่สุด