“ณัฐวุฒิ” แจงเหตุผลสำคัญของการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ยันเป็นการปลดล็อกอำนาจให้ประชาชนอย่างแท้จริง ด้าน สว.รัชนีกร ซัดแทนที่จะเอางบไปช่วยน้ำท่วม-ชายแดน
วันที่ 10 ธันวาคม 2568 เมื่อเวลา 9.40 น. ในการประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... ในวาระ 2 ในวันที่ 10-11 ธันวาคม 2568 นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการ กล่าวชี้แจงในการประชุมที่ผ่านมา กรรมาธิการได้พิจารณา 5 เรื่อง คือเรื่องกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 256/1 (1) และ (2) การคัดเลือกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อนำมาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่จะมีการแก้ไขมาตรา 256/2 และ 256/5 เพื่อกำหนดเรื่องคุณสมบัติ รวมถึงกระบวนการรวบรวมความคิดเห็น กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือการออกเสียงประชามติ ตามหมวด 15/1 และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กมธ.ได้พิจารณาโดยเป็นไปตามหลักการของร่างแก้รัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีบทสรุปส่วนแก้ไขในส่วนของกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้มี กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน โดยรัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อของบุคคลที่สมควรได้รับการคัดเลือก ตามสูตร 20 หยิบ 1 มีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 360 วัน โดยกมธ.ได้ปรับเปลี่ยนจากสภาที่ปรึกษาการร่างรัฐธรรมนูญ เป็น กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน รัฐสภาเลือกจากบัญชีรายชื่อของบุคคลผู้สมควรได้รับเลือก มีหน้าที่และอำนาจ รับฟัง รวบรวมความคิดเห็นจากประชาชนอย่างทั่วถึง รอบด้าน เป็นระบบ ขอให้สว. สส. ครม. หรือหน่วยงานต่างๆ ลงพื้นที่ฟังความเห็นเพื่อนำมาสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ และเผยแพร่สาระ ความคืบหน้าของการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านช่องทางต่างๆ
...
ย้ำ ไม่แตะหมวด1-2 เพิ่มบทเฉพาะกาลรองรับ“ประชามติ” ก่อนใช้ฉบับใหม่
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญหลังจาก กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญและกมธ.รับฟังความคิดเห็นดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 360 วัน ทำเสร็จตามกรอบเวลาแล้ว ต้องส่งให้รัฐสภาดำเนินการ ในหลัก 2 ครั้ง 1 วาระ คือ ครั้งแรก ให้รัฐสภาอภิปรายให้ความเห็น หรือข้อเสนอแนะต่างๆ โดยไม่ลงมติเพื่อให้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และกมธ.รับฟังความเห็น รับกลับไปพิจารณาปรับแก้ไข ส่วนครั้งที่สอง ส่งเนื้อหากลับให้รัฐสภาลงมติว่า จะให้ความเห็นชอบหรือไม่ ทั้งนี้ กมธ.พิจารณาปรับกรอบเนื้อหาและสาระสำคัญที่จะปรากฏในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ได้ปรับแก้ไขให้สมบูรณ์มากขึ้น ในความสมบูรณ์ของการปกครอง การรับรองการเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกัน สิทธิเสรีภาพ กลไกความสัมพันธ์ทางการเมือง การตรวจสอบถ่วงดุล หลักนิติธรรม หลักยุติธรรมอันชอบธรรม โดยวางเงื่อนไขบางส่วน และได้เพิ่มหลักการการกระจายอำนาจสู่การปกครองท้องถิ่น และเพิ่มมาตราใหม่ โดยให้นำบทบัญญัติหมวด 1 ทั่วไปและหมวด 2 พระมหากษัตริย์ของรัฐธรรมนูญ 2560 มาบัญญัติไว้ไม่ให้แก้ไข และกมธ.ได้เพิ่มบทเฉพาะกาล โดยรับรองการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมมีผลบังคับใช้ ให้ถือเป็นการออกเสียงประชามติตามรัฐธรรมนูญ
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกิดขึ้นได้หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับการเห็นชอบของสมาชิกในวันนี้ พรุ่งนี้ และอีก 15 วันข้างหน้า ที่จะมีการเห็นชอบการแก้ไข มาตรา 15/1 เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ และการออกเสียงประชามติของประชาชนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
หากจะมีรัฐธรรมนูญใหม่เกิดขึ้น กรรมาธิการเห็นว่าจะใช้ระยะเวลา 2 ปี ที่คิดว่าเหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนผ่าน วันนี้จะมีการพิจารณา 8 มาตรา และ 1 หมวด โดยเฉพาะมาตรา 256 ที่ กมธ. มีการแก้ไข ตัดออก และเพิ่มขึ้นมาแล้ว ที่จะมีการลงมติรวมกันประมาณ 50 ครั้ง และหวังว่า วันที่ 10 ธันวาคม ที่มีการเปิดขึ้นของรัฐธรรมนูญไทย และวันนี้จะเป็นประตูปลดล็อกและยืนยันอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของประชาชนอีกครั้ง เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ทั้งเรื่องภัยพิบัติ ปากท้อง สถานการณ์ชายแดน เสถียรภาพรัฐบาล ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และหลักประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งนั่นคือเป้าหมายสูงสุดของกรรมาธิการและเพื่อรัฐสภา โดยกมธ. พร้อมจะตอบคำถามของผู้สงวนและผู้แปรญัตติ
ขณะที่ นางรัชนีกร ทองทิพย์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะกรรมาธิการ ได้กล่าวสงวนความเห็นว่า ขอไว้อาลัยให้กับประเทศ ผู้สูญเสียจากเหตุน้ำท่วมและสถานการณ์ชายแดน ไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และเหตุใดนักการเมืองไทยต้องมาขอเปิดสมัยประชุมวิสามัญเพื่อพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญ แทนที่จะเป็นเรื่องน้ำท่วมหรือชายแดนไทย-กัมพูชา และต้องนำงบหมื่นล้านมาแก้รัฐธรรมนูญ แทนที่จะเอาไปช่วยภัยพิบัติ และเห็นว่ากรรมาธิการแก้รัฐธรรมนูญควรมาจากสมาชิกรัฐสภา
ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับกรรมาธิการเสียงข้างมากในการแก้ไขมาตรา 3 ในวาระ 2 ด้วยคะแนน 503 เสียง ไม่เห็นด้วย 3 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 3 เสียง จากนั้นพิจารณาต่อในมาตราที่ 4