ครม.เห็นชอบจ่ายเงินสวัสดิการค่าเช่าบ้านพนักงานและลูกจ้างประจำ การยางแห่งประเทศไทย สูงสุดไม่เกินเดือนละ 6,000 บาท ช่วยลดเหลื่อมล้ำพนักงานใหม่ หลัง 3 องค์กรยาง ควบรวมกับ กยท.
วันที่ 9 ธันวาคม 2568 นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจ่ายเงินสวัสดิการค่าเช่าบ้านให้แก่พนักงานและลูกจ้างประจำของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, การยางแห่งประเทศไทย ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อย่างเคร่งครัด ในคราวต่อไป หากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความประสงค์จะเสนอเรื่องเกี่ยวกับการปรับปรุงเงินเดือน ค่าตอบแทน สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์อื่นของบุคลากรภาครัฐต่อคณะรัฐมนตรี ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2560 (เรื่อง การเสนอเรื่องเกี่ยวกับการปรับปรุงเงินเดือน ค่าตอบแทน สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์อื่นของบุคลากรภาครัฐ) อย่างเคร่งครัดด้วย
นางสาวอัยรินทร์ ระบุว่า การให้ความเห็นชอบการจ่ายเงินสวัสดิการค่าเช่าบ้านให้แก่พนักงานและลูกจ้างประจำทุกคนที่ได้รับสิทธิสวัสดิการค่าเช่าบ้านในอัตราค่าเช่าบ้านไม่เกินร้อยละ 20 ของเงินเดือนหรือค่าจ้าง และอย่างสูงไม่เกินอัตราสูงสุดตามที่พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ กำหนดโดยอนุโลม (ปัจจุบันพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2561 กำหนดอัตราค่าเช่าบ้านสูงสุดไม่เกินเดือนละ 6,000 บาท) เพื่อให้พนักงานและลูกจ้างประจำที่เข้ามาทำงานภายหลังการควบรวมสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) องค์การสวนยาง (อสย.) และสถาบันวิจัยยาง (สวย.) เป็นการยางแห่งประเทศไทย ได้รับสวัสดิการค่าเช่าบ้านเช่นเดียวกับพนักงานและลูกจ้างประจำเดิมของทั้ง 3 หน่วยงาน ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรม และไม่เท่าเทียมต่อพนักงานใหม่ของ กยท. และเพื่อปรับปรุงอัตราค่าเช่าบ้านให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2561 และสอดคล้องกับค่าครองชีพในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน เพราะที่ผ่านมา กยท. ยังไม่เคยมีระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการจ่ายเงินสวัสดิการค่าเช่าบ้านที่สามารถนำมาบังคับใช้ได้กับพนักงานและลูกจ้างประจำทั้งหมด
...
นางสาวอัยรินทร์ ระบุว่า กยท. ได้จัดทำรายละเอียดข้อมูลตามหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณากำหนดค่าตอบแทน ระบบแรงจูงใจ และสวัสดิการต่างๆ ของรัฐวิสาหกิจในภาพรวม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2560 เพื่อประกอบการพิจารณาด้วยแล้ว โดยเมื่อเปรียบเทียบอัตราค่าเช่าบ้านของพนักงานและลูกจ้างประจำของรัฐวิสาหกิจอื่นแล้ว ยังคงมีอัตราที่เทียบเท่าหรือไม่ได้สูงเกินกว่ารัฐวิสาหกิจอื่น และ กยท. ยืนยันว่าภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าวจะใช้งบประมาณของ กยท. เองทั้งหมด (รายได้จากค่าธรรมเนียมและจากการดำเนินธุรกิจ) ทั้งนี้ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นการปรับปรุงสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินที่อยู่นอกเหนือจากที่กำหนดไว้จึงต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ซึ่งในคราวประชุมครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ได้มีมติเห็นชอบด้วยแล้ว โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ
นางสาวอัยรินทร์ ระบุว่า ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเห็นชอบการจ่ายเงินสวัสดิการค่าเช่าบ้านของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่างๆ ในทำนองเดียวกันนี้มาแล้วหลายครั้ง เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงาน มีอัตราค่าเช่าบ้านเริ่มต้นแตกต่างจาก กยท. กล่าวคือ อภ. และ ธ.ก.ส. กำหนดให้ได้รับเท่าที่จ่ายจริงในอัตราที่กำหนดตามระดับตำแหน่ง ในขณะที่ กยท. กำหนดให้ได้รับไม่เกินร้อยละ 20 ของเงินเดือนหรือค่าจ้าง โดยใช้อัตราเดิมตามกรอบข้อบังคับคณะกรรมการสงเคราะห์การทำสวนยางว่าด้วยค่าเช่าบ้าน พ.ศ. 2548 เป็นกรอบอ้างอิง อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 หน่วยงาน มีอัตราการจ่ายสูงสุดไม่เกิน 6,000 บาท เท่ากัน ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดตามที่พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2561 กำหนดไว้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง (กค.), กระทรวงแรงงาน, สำนักงบประมาณ (สงป.), สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เห็นด้วย ไม่ขัดข้องในหลักการ