“พริษฐ์” สส.พรรคประชาชน เตือนรัฐบาลยุบสภาฯ หนีซักฟอกไม่เป็นผลดี จี้ ยกเลิกสารพัดหลักสูตรที่จัดโดยหน่วยงานรัฐ หวั่นเป็นทำเลทองให้สแกมเมอร์หาคอนเน็กชั่น


วันที่ 5 ธันวาคม 2568 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวที่อาคารรัฐสภา ถึงการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมวาระ 2 วันที่ 10-11 ธันวาคมนี้ ได้เน้นย้ำเรื่ององค์ประชุมกับฝ่ายรัฐบาลหรือไม่ ว่า ก็หวังว่าองค์ประชุมจะไม่มีปัญหา พรรคร่วมฝ่ายค้านเองจะมีการประชุมวิปฝ่ายค้านในวันที่ 9 ธันวาคม เพื่อหารือกันถึงกรอบระยะเวลา และหากมีการอภิปรายเยอะวันที่ 11 ธันวาคม ยังมีวันที่ 12 ธันวาคม รองรับอยู่ เชื่อว่าวาระ 2 จะจบภายใน 3 วัน พรรคประชาชนพร้อมปฏิบัติหน้าที่ และหวังว่าสมาชิกรัฐสภาทุกภาคส่วนจะเข้าใจถึงหน้าที่พื้นฐานของตัวเองในการเข้าร่วมประชุมฃ

เมื่อถามว่าการใช้กลไกตรวจสอบรัฐบาลหมายถึงการยื่นซักฟอกหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า พอรัฐสภากลับมาเปิดการประชุมในห้องใหญ่ ก็มีการประชุมกันกลไกต่างๆ ที่เราสามารถใช้ได้ก็จะนำมาเป็นเครื่องไม้เครื่องมือในการตรวจสอบรัฐบาลมากขึ้น ส่วนคำถามมีการประเมินหรือไม่ว่ารัฐบาลอาจยุบสภาฯ ก่อนพิจารณาวาระ 3 เนื่องจากเจอหลายมรสุม นายพริษฐ์ ย้ำว่า ถ้ารัฐบาลยุบสภาฯ เพื่อหนีการตรวจสอบ ไม่ส่งผลดีต่อมุมมองของประชาชน และตัวนายกรัฐมนตรีแน่นอน

...

ขณะเดียวกัน นายพริษฐ์ ให้สัมภาษณ์ถึงภาพ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมเฟรมกับนายเบน สมิธ ว่า เมื่อวานนี้ (4 ธันวาคม) ตนเห็นนายอนุทิน มีการชี้แจงเป็นภาษาอังกฤษบางคำ ตนมองว่าหากนายอนุทิน อยากใช้ภาษาอังกฤษให้เป็นประโยชน์ สิ่งสำคัญตอนนี้คือการพยายามประสานความร่วมมือกับเวทีนานาชาติ ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลการแลกเปลี่ยนทรัพยากร รวมถึงการพูดคุย การวางมาตรฐานในเรื่องของการฟอกเงิน ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกประเทศ

นายพริษฐ์ ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า หลังจากฟังคำชี้แจงของผู้มีอำนาจที่ปรากฏภาพกับบุคคลที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์ ก็จะเห็นว่าคำชี้แจงหลายครั้งคือเจอกันตามหลักสูตรต่างๆ ทั้งวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) หรือการร่วมงานเลี้ยงในหลักสูตรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมาทบทวนหรือพิจารณายกเลิกหลักสูตรที่จัดโดยหน่วยงานภาครัฐ เช่น หลักสูตรหลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย (นธป.) ของศาลรัฐธรรมนูญ หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บยส.) ของศาลยุติธรรม หลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นปยส.) ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นต้น

โฆษกพรรคประชาชน กล่าวต่อไป ตนเคยตรวจสอบผ่านกลไกของกรรมาธิการว่า การมีหลักสูตรเหล่านี้ได้คุ้มเสียหรือไม่ ตอนเชิญหน่วยงานมาชี้แจงก็ให้เหตุผลว่าเป็นความพยายามเพื่อสร้างความเรียนรู้ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงหน่วยงานต่างๆ แต่เราตั้งคำถามว่าได้ประโยชน์จริงหรือไม่และคุ้มค่าหรือไม่กับข้อเสีย ไม่ว่าจะเป็นในเชิงงบประมาณภาษีประชาชน ที่ใช้อุดหนุน หรือความเสี่ยงเรื่องการไปหล่อเลี้ยงระบบอุปถัมภ์ เนื่องจากผู้เข้าร่วมหลักสูตรเหล่านี้หลายครั้งก็มักจะมาจากหน่วยงานหรือภาคส่วนที่ต้องตรวจสอบกันและกัน

“ผมจึงตั้งคำถามว่าประโยชน์ในเรื่องการเรียนรู้มีจริงหรือไม่ และอีกมุมหนึ่งสิ่งที่เห็นชัดคือข้อเสีย หรือความเสี่ยงเรื่องระบบอุปถัมภ์ เพราะกลายเป็นว่าหลักสูตรเหล่านี้รวมตัวแทนรัฐจากหลายหน่วยงานและภาคเอกชนก็อาจมีความเสี่ยงในการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน หลักสูตรเหล่านี้กลายเป็นทำเลทอง หรือศูนย์บริการครบวงจร One Stop Service ให้สามารถเข้าถึงผู้มีอำนาจทุกแวดวงในประเทศได้อย่างง่ายดาย เป็นเรื่องตลกร้ายที่หลักสูตรซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันความมั่นคงของประเทศ กลับถูกตั้งคำถามว่า หลักสูตรเหล่านี้กลายเป็นการสร้างพื้นที่ให้บุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์เข้าถึงผู้มีอำนาจรัฐหรือไม่ ทั้งที่สแกมเมอร์เป็นหนึ่งในภัยความมั่นคงของประเทศ”