เป็นเรื่องน่าเศร้าที่องคาพยพในกำกับดูแลของ นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย อนุทิน ชาญวีรกูล ประเมินสถานการณ์ในวิกฤตการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ครั้งนี้ต่ำเกินจะให้อภัย
เหตุผลนี้ทำให้หมดความพร้อมด้วยประการทั้งปวงที่จะเข้าช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยในทุกวิถีทาง ทั้งนี้ยังรวมถึงนักท่องเที่ยวที่นำเงินตราจำนวนมหาศาลเข้าสู่อำเภอหาดใหญ่สูงที่สุดในภาคใต้ด้วย นอกจากนี้ยังเป็นเหตุทำให้มีผู้ประสบภัยเสียชีวิตสูงถึง 170 ราย (ณ วันที่ 1 ธ.ค.) หรืออาจจะสูงกว่านั้น
สำคัญคือ หลังน้ำลด 2-3 วัน หน่วยงานแทบทุกหน่วยก็ยังไม่มีความพร้อมในการเข้าไปเก็บกู้ซากปรักหักพังจากปริมาณน้ำที่ท่วมสูงกว่า 4-5 เมตร... ขยะ โคลน และแม้แต่รถยนต์ จนถึงรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดเสียอยู่เป็นจำนวนมากในจุดต่างๆ ยังคงถูกทิ้งคาไว้ ไม่ได้รับการช่วยเหลือ หรือเคลื่อนย้ายออกไป เพื่อเปิดทางให้การจราจรดำเนินไปได้ตามปกติ
นี่ยังไม่นับความล่าช้าของระบบการจ่ายไฟฟ้า และน้ำประปาที่กว่าชาวหาดใหญ่จะใช้ได้ก็ต้องกินเวลาไปอีก 2 วัน
คะแนนนิยมดิ่งวูบ
ความล้มเหลวในการปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนชาวหาดใหญ่ของหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะการบริหารจัดการของหน่วยงานท้องถิ่น ส่งผลสะเทือนถึงคะแนนความนิยมของ นายกฯ อนุทิน ให้ร่วงลงต่ำทันที
จากผลสำรวจกระแสการเมืองภาคใต้ของนิด้าโพลล่าสุด พบว่า คะแนนนิยมของนายกฯ อนุทิน ร่วงลงเป็นอันดับ 3 เหลือแค่ 15.40% ในขณะที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งกลับมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งได้คะแนนนิยมอันดับ 2 ไป 25.65% โดยที่ยังไม่ทันได้ทำอะไร
ส่วนอันดับ 1 จำนวน 32.25% เป็นของผู้ตอบที่เห็นว่า ยังหาคนเหมาะสมจะเป็นนายกฯ ไม่ได้ ส่วนพรรคประชาชนของหัวหน้า “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ติดโพลมาเป็นอันดับ 4 ด้วยคะแนน 12.85%
...
ฉะนั้น สิ่งที่ นายกฯ อนุทิน ควรดำเนินการอย่างเร่งด่วนก็คือ อนุมัติงบประมาณให้พอเพียงกับการฟื้นคืนสภาพบ้านเมืองของหาดใหญ่ และการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนให้กลับมาเป็นปกติสุขโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่... จังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้ที่ประสบอุทกภัยก็จำเป็นต้องดำเนินการไปพร้อมกัน
รื้อระบบราชการ-ล้างบางเกียร์ว่าง
สิ่งสำคัญอันดับต่อมาคือ ปรับโครงสร้างระบบการบริหารราชการในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และในจังหวัดภาคใต้โดยรวมใหม่... ท้องถิ่น หรือหน่วยราชการใดที่ใส่เกียร์ว่าง โดยเฉพาะพวกที่หมกตัวอยู่แต่ใน Comfort Zone ไม่ออกจากกำแพงแห่งความล้าหลัง ไม่พัฒนาทักษะ ความรู้ และเทคโนโลยีทันสมัยสำหรับการพัฒนาเมืองเหล่านี้
เห็นควรดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ปรับลดจำนวน ลดขนาดของหน่วยงานนั้นๆ หรือยุบเสีย จะได้ประหยัดภาษีอากรของประชาชนคนไทยลง...
เอาจริงๆ นะ ระยะหลังๆ หรือในช่วง 1-2 ทศวรรษมานี้ ข้าราชการไทยทำตนเป็นพรรคข้าราชการที่เรืองอำนาจมากที่สุด ทั้งยังสนับสนุน ร่วมมือ และใช้ดุลอำนาจเพื่อการทุจริตคอร์รัปชันกันมากมาย... ในทางตรงกันข้าม กลับละเลยการบริหารราชการแผ่นดินให้ประเทศชาติและประชาชนคนไทยได้รับความอยู่ดีกินดีจากสวัสดิการและสาธารณูปโภคที่ภาครัฐสร้างให้น้อยมาก หรือแทบไม่เกิดขึ้นเลย
ถ้านักการเมืองต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น ข้าราชการ หน่วยงานรัฐ และองค์กรส่วนท้องถิ่น ก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ขณะที่ความช่วยเหลือทั้งมวลมาจากประชาชนจิตอาสา หน่วยกู้ภัย และกองทัพไทย นำเรือ เจ็ตสกี แล่นฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวกรากออกไปช่วยเหลือพี่น้องชาวหาดใหญ่ ทั้งยังนำน้ำ อาหาร เครื่องอุปโภคบริโภคออกไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชน พร้อมๆ กับช่วยชีวิต เด็ก คนแก่ และชาวหาดใหญ่ รวมถึงสัตว์เลี้ยงออกจากพื้นที่น้ำท่วมได้เป็นจำนวนมากด้วย
ทางออกสู่อนาคต: AI และเทคโนโลยีจัดการน้ำ
นอกจากปรับโครงสร้างระบบการบริหารราชการแผ่นดินในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการน้ำยังให้ความเห็นตรงกันว่า คลอง ร.1 - ร.4 ซึ่งเป็นคลองชลประทาน ยังคงช่วยรับปริมาณน้ำล้นได้บางส่วน ขณะที่ตัวเมืองหาดใหญ่ยังต้องพึ่งพาคลองสายหลักอย่างคลองขุด ก อยู่
การบริหารจัดการน้ำในอนาคต หรือต่อจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้ จะต้องได้รับการยกระดับสู่เทคโนโลยีจัดการน้ำสมัยใหม่ที่ให้ AI ช่วย และจัดทำระบบให้เป็นการรับมือแบบ Real Time เพราะปริมาณฝนที่ตกลงมาขนาด 300 มม./วัน ภายใต้สภาวะโลกร้อนนั้น ระบบเดิม (ทั้งประเทศ) ที่เป็นอยู่ ไม่อาจรับมือไหวอีกต่อไป
และถ้าทำตามขั้นตอนใหม่ที่จัดวางขึ้นครบทุกระบบ ความเสี่ยงของการที่จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ก็จะลดลงได้มากถึง 70-80% ทีนี้มาดูกันว่า สิ่งที่ควรทำเพิ่มในยุคโลกร้อนขึ้นทุกปีๆ ละ 1-2 องศา มีอะไรบ้าง?
ใช้ Radar และ AI พยากรณ์น้ำ 6-12 ชม. ล่วงหน้า (ระบบในต่างประเทศเช่นในญี่ปุ่น หรือเนเธอร์แลนด์ สามารถทำนายระดับน้ำแบบรายชั่วโมงได้)
ติดตั้งระบบ Sensor ระดับน้ำทั่วลุ่มน้ำอู่ตะเภา เพื่อส่งข้อมูล Real Time ให้ระบบเตือนภัยแม่นยำกว่าปัจจุบัน 5-10 เท่า
ระบบเปิด-ปิดประตูน้ำอัตโนมัติ (Automatic Gate Control) อ้างอิงระดับน้ำจริง และปริมาณฝนล่วงหน้าโดยไม่ต้องใช้คน หรือเจ้าหน้าที่
สร้างแบบจำลองเมืองเสมือน (Digital Twin Model) ของลุ่มน้ำหาดใหญ่ เพื่อช่วยทำนายพายุ, ปริมาณน้ำฝน, เส้นทางน้ำ และการล้นของคลองได้
โครงการทางกายภาพที่ควรสร้างเพิ่มเติม ได้แก่ เร่งสร้างคลองสาย ข, ขุดลอกคลอง ร.1 - ร.4 ให้มีความลึกตามมาตรฐาน, สร้างพื้นที่หน่วงน้ำใหม่ในคลองหอยโข่ง คลองหวะ คลองสามชัย หรือคลองที่เห็นว่าจะช่วยลดแรงของปริมาณน้ำที่ตกลงมาได้ พร้อมๆ กับเร่งฟื้นฟูป่าต้นน้ำอย่างจริงจัง!
อย่างที่กล่าวมาข้างต้น อยากจะบอกนายกฯ อนุทิน อีกครั้งว่า อย่ารีรอที่จะแก้ปัญหาที่เห็นกันชัดๆ อยู่ในเวลานี้ให้เด็ดขาดลุล่วงไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของการสร้างแต้มต่อทางการเมือง หรือการแก้ปัญหาระยะยาวให้แก่ประเทศชาติและประชาชน