ผู้อำนวยการ ศป.กฉ. เผย นายกฯ ตั้ง คกก.ถอดบทเรียนรับมือมหาภัยในอนาคต เชิญนักวิชาการ เอกชน ให้ข้อคิด รวบรวมให้เสร็จก่อนยุบสภาฯ ยันเยียวยาศพละ 2 ล้าน ในพื้นที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

วันที่ 3 ธันวาคม 2568 นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อที่จะถอดบทเรียนและเตรียมความพร้อมสำหรับการรับมือมหาภัยต่างๆ ที่เราเชื่อว่าอาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าภัยครั้งนี้ไม่ใช่ภัยครั้งสุดท้าย เพราะในประเทศมีการเกิดภัยและมหาภัยต่างๆ ทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วม สึนามิ ในหลายพื้นที่ แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ทั้งหลาย เราไม่เคยมีการถอดบทเรียนหรือสรุปบทเรียนเลย และเมื่อภัยครั้งใหม่มาเราก็ใช้ทรัพยากรของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ถือเป็นบทเรียนของประเทศนี้ โดยในการแก้ไขปัญหาในระยะยาวมีความจำเป็น รัฐบาลนี้ได้ใส่ใจและให้ความสำคัญในการที่จะสรุปบทเรียนเพื่อที่จะให้ภัยครั้งนี้เป็นตำราเล่มใหญ่ เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาเป็นระบบ

นายภราดร กล่าวว่า โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวมีนายกฯ เป็นประธาน และมีคณะกรรมการจากทุกหน่วยงานของราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เข้ามาให้ข้อคิดและให้บทเรียน รวมถึงเชิญภาคธุรกิจ ภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา นายเสรี ศุภราทิตย์ รองประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (จิสด้า) และนายแก้วสรร อติโพธิ เพื่อเข้ามารวบรวมและสรุปบทเรียน และวางแผนสำหรับการรับมือมหาภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนำเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมกับกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำ นำเอาหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลเรื่องของเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (บีดีไอ) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือหน่วยงานภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องของเทคโนโลยี ซึ่งจะนำเข้ามาและวางแผน เพื่อที่จะทำให้ในอนาคตประเทศนี้มีเครื่องมือที่เพียงพอและมีประสิทธิภาพในการที่จะรับมือกับภัยพิบัติตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดเหตุ

...

นายภราดร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม รัฐบาลประกาศความร่วมมือกับ Tomorrow.io ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยในเรื่องของการพยากรณ์อากาศ โดยจะมีการวางระบบในเรื่องการแจ้งเตือน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน เพื่อที่จะเชื่อข้อมูลของภาครัฐ เพื่อที่จะอพยพประชาชนก่อนที่จะเกิดเหตุในเวลาที่เหมาะสม หรือเมื่อเกิดเหตุแล้วจะต้องมีการวางแผนบูรณาการในเรื่องการช่วยคน โดยเฉพาะเรื่องกู้ภัยที่บุคลากรของภาครัฐจำนวนไม่เพียงพอ ซึ่งจำเป็นต้องสร้างทีมขึ้นมาเป็นทีมอาสา โดยทีมอาสาทั้งหมดจะต้องเข้ามาขึ้นทะเบียนกับ ปภ. และเมื่อมีเหตุ ปภ.จะสามารถที่จะประสานงานกับทีมกู้ภัยที่เป็นเอกชนเข้ามาช่วยเหลือประชาชน

นายภราดร กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องเยียวยาที่มีปัญหาและอุปสรรคบ้าง รัฐบาลนี้กำลังจะเอาบทเรียนนี้ไปแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง แก้ไขปัญหาระบบราชการที่ติดขัดและมีเส้นทางที่ยาวนาน ยุ่งยากสำหรับประชาชน โดยจะเอาบทเรียนตรงนี้ไปสรุปบทเรียน และไปแก้ระเบียบและกฎหมายทุกข้อที่มีความจำเป็นในการที่จะช่วยเหลือชีวิตของประชาชน ซึ่งจะมีการดำเนินการเยียวยาให้กับประชาชนให้ได้รวดเร็วและสร้างความลำบากให้กับประชาชนให้น้อยที่สุด ซึ่งรัฐบาลนี้พยายามที่จะใช้วิกฤตนี้มาสร้างโอกาสใหม่ให้กับประเทศ เพื่อสร้างระบบในการป้องกันมหาภัยหรืออุทกภัยหรือภัยต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตให้เป็นรูปธรรม และเป็นระบบมากกว่านี้

ส่วนที่มีเสียงสะท้อนประชาชนนอกเขต พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เรื่องเงินเยียวยาศพละ 2 ล้านบาท รัฐบาลจะมีการทบทวนการจ่ายเงินเยียวยาให้ได้อย่างเท่าเทียมหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยและหารือกันใน ครม. ในเบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า จะเอาแต่เฉพาะในเขตที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อน คือ จ.สงขลา ถ้ากรณีจังหวัดใกล้เคียงหรือจังหวัดอื่น ในประเทศนี้ที่เกิดปัญหาน้ำท่วมและมีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้น ก็จะต้องนำไปพิจารณากันในลำดับถัดไป

ส่วนคณะกรรมการรวบรวมบทเรียนที่มีนายกฯ เป็นประธาน จะใช้ระยะเวลาทำให้เร็วที่สุด โดยนายกฯ ได้กำชับว่าพยายามทำให้เสร็จในรัฐบาลนี้ และจะต้องเป็นมติ ครม. ก่อนที่จะมีการยุบสภาฯ ให้ได้ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะมีเวลาในการที่จะถอดบทเรียนทั้งหมดไม่เกิน 2 เดือน ประมาณเดือนกว่าๆ ก่อนที่จะยุบสภาฯ