“ชลน่าน” จี้รัฐเร่งช่วยดูแลการเจ็บป่วยของประชาชนหลังน้ำลด ซัด “อนุทิน” แก้วิกฤติล้มเหลวซ้ำซาก บทเรียนโควิดไม่ได้ทำให้เรียนรู้อะไรนอกจากเสียน้ำตา “อนุสรณ์” ชี้ประชาชนลงมติไม่ไว้ใจนายกฯ ไปแล้ว
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2568 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ปีนี้ต้องยอมรับว่าสถานการณ์โดยรวมเลวร้ายมาก มีคนตายนับร้อย เพราะปริมาณน้ำมหาศาลที่ไหลบ่าเข้าท่วมในหลายจังหวัด ปัจจุบันยังมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ที่ประชาชนยังต้องจมอยู่กับน้ำในหลายพื้นที่
จากรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า ในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส กินพื้นที่ 105 อำเภอ 723 ตำบล 5,381 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,226,627 ครัวเรือน 3,542,583 คน หนักที่สุดคือพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพราะต้องยอมรับว่าหาดใหญ่คือศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคใต้ ดังนั้นผลที่ตามมาคือความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่ประเมินค่าไม่ได้ และหลายฝ่ายประมาณการณ์ในพื้นที่หาดใหญ่ถือเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ อีกนานกว่าจะฟื้นตัวกลับมาเช่นเดิม
ทั้งนี้ แม้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะออกมาขอโทษประชาชน แต่กว่าจะยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดมาจากการประเมินสถานการณ์ผิดพลาด การบริหารจัดการบกพร่องอย่างร้ายแรงมันช้าไปมาก ส่งผลให้เกิดความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ ประชาชนเสียชีวิตที่ล่าสุดมีมากกว่า 100 คน ภาคธุรกิจพังยับ ประชาชนหลายแสนคน หลายหมื่นครอบครัวสิ้นเนื้อประดาตัว บ้านพัง ทรัพย์สินหายไปกับน้ำ
...
ล่าสุด นายอนุทิน รีบประกาศความช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมรายละ 2 ล้าน เป็นเจตนาประกาศออกมาเพื่อกลบกระแสวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้ชาวบ้านที่ประสบเหตุออกมาต่อต้าน ขับไล่ ทำให้นายอนุทิน ต้องรีบพูดเพื่อหวังกลบกระแสวิจารณ์สถานการณ์ตอนนี้ จำเป็นต้องพูดถึงมาตรการการเยียวยาช่วยเหลืออย่างอื่นที่จำเป็นก่อนไหม
“หรือบทเรียนจากภัยโควิด-19 ไม่ได้ทำให้คุณอนุทินเรียนรู้อะไรนอกจากเสียน้ำตา การบริหารภาวะวิกฤติจึงล้มเหลวซ้ำซาก สิ่งที่ต้องดำเนินการคือรัฐบาลต้องระดมกำลังเร่งอพยพประชาชน ต้องระดมแพทย์และพยาบาลให้การดูแลประชาชนที่ประสบเหตุ เพราะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบทั้งร่างกายและจิตใจประชาชนมาก ประชาชนยังหวาดระแวง ต้องคิดเสมอว่าทุกคนที่ประสบภัยเป็นคนป่วย คาดการณ์ว่ามีจำนวนนับแสนคน”
นายแพทย์ชลน่าน ระบุต่อไปว่า คณะแพทย์ต้องเร่งนำประชาชนเข้าสู่การดูแลด้านสุขภาพทั้งร่างกายจิตใจ เตรียมสถานบริการทางการแพทย์ โรงพยาบาลสนาม เครือข่ายส่งต่อ ระดมทีมแพทย์ พยาบาลอาสา บุคลากรทางการแพทย์ เครื่องมือ ยาเวชภัณฑ์ ให้พร้อมที่จะรองรับ นอกจากนี้ ควรเร่งป้องกันโรคระบาด โรคที่มาจากน้ำ โรคฉี่หนู ที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา สำหรับคนที่เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ต้องเร่งสำรวจ ตรวจสอบ เร่งรัด จัดเก็บ เพื่อดำเนินการตรวจเอกลักษณ์บุคคลอย่างรวดเร็วเพื่อส่งมอบให้ญาติเพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป หลังจากนี้จึงประกาศมาตรการช่วยเหลือเยียวยาทุกมิติ เร่งฟื้นฟูให้คืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว ทุกหน่วยงานรัฐต้องบูรณาการการทำงาน ที่สำคัญผู้บัญชาการหน่วยงานต้องชัดเจนอย่ามั่วเหมือนที่ผ่านมาเพราะจะส่งผลให้การทำงานล่าช้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เพราะปัญหาของประชาชนรอไม่ได้
ทางด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสสังคมที่เรียกร้องให้นายอนุทิน แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ภายหลังรัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักล้มเหลวการบริหารจัดการสถานการณ์น้ำท่วม ว่า วิกฤติน้ำท่วมพัฒนาเป็นวิกฤติศรัทธารัฐบาลอย่างสมบูรณ์แบบ ความเชื่อมั่นประชาชนเสื่อมทรุดอย่างมีนัยสำคัญ ภาพลักษณ์ที่รัฐบาลพยายามสร้างคะแนนความนิยมถูกกระแสน้ำพัดพาไปอย่างรวดเร็ว นักวิชาการประเมินสถานการณ์ตรงกันว่า รัฐบาลเสียงข้างน้อยกำลังตกที่นั่งลำบาก อยู่ในภาวะเปราะบาง ถูกจับตามองจากสาธารณะแทบทุกมิติ แม้นายอนุทินจะขอโทษหรือร้องไห้แสดงอารมณ์สะเทือนใจกี่ครั้ง แต่ไม่เพียงพอจะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นศักยภาพรัฐบาลในการคลี่คลายสถานการณ์น้ำท่วม แม้ระดับน้ำ จ.สงขลา เริ่มลดลง แต่หลายจังหวัดในภาคใต้และภาคกลางยังมีประชาชนจำนวนมากที่จมน้ำ รอความช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ
นายอนุสรณ์ เผยอีกว่า ประชาชนต้องการเห็นรัฐบาลดำเนินการเร่งด่วน ด้านการสำรวจและประเมินความเสียหายอย่างเป็นมาตรฐาน การฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ การบริหารจัดการภัยพิบัติตามหลักสากล การวางระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเสียงข้างน้อยเมื่อไหร่ เป็นเรื่องที่สังคมกำลังจับตามอง แต่ความจริงที่เกิดขึ้นแล้วคือ ประชาชนได้ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลไปก่อนหน้านี้อย่างกว้างขวางผ่านทุกช่องทางสาธารณะ และลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลนายอนุทินให้พ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรีไปแล้วด้วยพลังของประชาชนเอง.