รมว.ยุติธรรม เผย สั่งให้ออกจากราชการเพิ่มอีก 4 นาย ข้าราชการอดีตสังกัดเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ปมอื้อฉาวเอาหญิงไปปรนนิบัติจีนเทาในเรือนจำ DSI พบเส้นเงินแตกไปหลายทาง ส่วนหนึ่งเชื่อมโยงญาติ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีประเด็นอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ที่กรมบังคับคดี หลังจากเป็นประธานในการทำบุญครบรอบ 51 ปีการสถาปนากรมบังคับคดี ใช้เวลาประชุมราว 30 นาที จากนั้น พล.ต.ท.รุทธพล แถลงผลการประชุมว่า วันนี้เป็นการติดตามความคืบหน้าการทำงานทั้งการสอบสวนทางวินัยโดยคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และการสอบสวนคดีอาญาโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) หลังจากผ่านพ้นการให้นโยบายแนวทางการสอบสวนมาแล้ว 5-7 วัน
ส่วนทางวินัย ขณะนี้พบว่ามีข้าราชการอดีตสังกัดเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครอีก 4 นาย ซึ่งอยู่ในจำนวนเดียวกันกับข้าราชการ 20 นายที่มีคำสั่งย้ายออกจากเรือนจำก่อนหน้านี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจริง ประกอบไปด้วย ตำแหน่งผู้อำนวยการส่วนควบคุมผู้ต้องขัง 1 นาย และเจ้าหน้าที่เรือนจำ 3 นาย ทั้งหมดมีพยานหลักฐานแน่ชัดว่าอยู่ในเรือนจำช่วงที่เกิดเหตุ และมีเหตุพิเศษที่รับรู้ถึงการกระทำความผิด แต่ไม่ดำเนินการให้ถูกต้อง จึงได้มีคำสั่งให้ข้าราชการทั้ง 4 นายนี้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว แต่ขอสงวนรายละเอียดเพิ่มเติม โดยเฉพาะเรื่องเส้นทางการเงินอยู่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
“นั่นหมายความว่า ในบรรดาข้าราชการ 20 นายที่ถูกคำสั่งย้ายออกจากเรือนจำ ตอนนี้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว 6 นาย ซึ่งในเรื่องทางวินัยกับข้าราชการที่เหลือ เราจะดำเนินการพิสูจน์ความผิดต่อไป เพราะอาจจะมีบางคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อาจมีความผิดเล็กน้อย โดยจะดำเนินการลงโทษลดหลั่นตามความหนักเบาของความผิด”
...
ขณะที่คำถามว่าจะมีการขยายวงข้าราชการคนอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมมากกว่านี้อีกหรือไม่ พล.ต.ท.รุทธพล ระบุว่า กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ในเรือนจำส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่น้ำดี แต่ถูกจำยอมให้ปฏิบัติตามเนื่องจากเป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เพราะในวันที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นเรือนจำ เจ้าหน้าที่เรือนจำหลายคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งข้อมูลเบาะแส และบางส่วนก็แนบจดหมายน้อยร้องเรียนมาด้วย สำหรับเรื่องคดีอาญาและเส้นทางการเงินนั้น DSI อยู่ในระหว่างการดำเนินการ ตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งตอนนี้พอจะเห็นได้แล้วว่า จะสามารถชี้ชัดความผิดเรื่องใด ก่อนส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดต่อไป
ในประเด็นเส้นทางการเงินนั้น ขณะนี้ DSI พบพยานหลักฐานว่ามีการแตกบัญชีไปหลากหลายทางและหลายชั้น มีบางบัญชีที่เส้นทางการเงินไปถึงญาติ แต่รายละเอียดตรงนี้ขอสงวนเอาไว้ก่อน เพราะอยู่ในระหว่างการขยายผล เช่นเดียวกับที่มีกระแสข่าวลือว่ามีการจ่ายค่าจ้างให้หญิงชาวจีน 2 ราย ที่มาปรนนิบัติผู้ต้องขังจีนในเรือนจำถึง 500,000 บาทนั้น เรื่องนี้ก็ขอสงวนที่จะให้รายละเอียดเพราะอยู่ในสำนวนคดี อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.รุทธพล ยังกล่าวด้วยว่า คดีนี้จะดำเนินการตรวจสอบขยายประเด็นให้ครบถ้วนและจะเร่งดำเนินการให้เต็มที่ที่สุด แต่จะไม่ถึงขั้นเร่งรัดจนเสียรูปคดี.