“อนุทิน” ลั่น รัฐบาลไม่ล่าช้า ช่วยเต็มที่ ระดมกำลังอพยพประชาชนติดค้าง ป้อง “ธรรมนัส” ไม่เกี่ยวการเมืองหลังเจอดราม่าลงพื้นที่ไม่มีแผนงาน เผย เตรียมตั้งทีมโฆษกแจงสถานการณ์รายวันเหมือนช่วงโควิด


วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ว่า วันนี้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดสงขลา และได้มอบให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นผู้อำนวยการสถานการณ์ คือการบูรณาการความช่วยเหลือทั้งหมด ในการสั่งการอนุมัติคุ้มครองผู้ปฏิบัติการทุกอย่างมีความเบ็ดเสร็จอยู่ในนั้น

ส่วนสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ บางจุดความช่วยเหลือเข้าไม่ถึง ประชาชนจะร้องขอความช่วยเหลืออย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ในพื้นที่มีทุกหน่วยงานระดมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว และเรากำลังกระจายคนเข้าไปรับพี่น้องประชาชนในทุกที่ ตอนนี้รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กำลังเดินทางเข้าไป และ 2 ท่านอยู่ในพื้นที่แล้ว โดย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพิ่งเดินทางไปเมื่อประมาณ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทางด้านคำถามว่า จำเป็นต้องกางแผนที่เพื่อเข้าไปช่วยเหลือหรือไม่ เนื่องจากบางพื้นที่ถูกตัดไฟ ไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้ นายอนุทิน ระบุว่า ในทางปฏิบัติเขากำลังทำหน้าที่อยู่ ผู้สื่อข่าวถามต่อ กรมอุตุนิยมวิทยา มีอะไรต้องแจ้งเตือนประชาชนเรื่องปริมาณน้ำหรือไม่ นายรัฐมนตรี เผยว่า ตอนนี้เราต้องไปบริหารสถานการณ์เรื่องการระบายน้ำ ทำหลายอย่างควบคู่กันไป และเรื่องของอาหาร วัสดุในการดำรงชีพทุกอย่าง ตอนนี้มีความพร้อมอยู่ ส่วนกองทัพได้มีการจัดเตรียมยานพาหนะต่างๆ เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ เรือ รถ ระดมการลงไปช่วยเหลือพี่น้องในที่เกิดเหตุ

...


เมื่อถามว่าความล่าช้าก่อนหน้านี้เป็นเพราะอะไร นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่ได้ล่าช้า ในการปฏิบัติมันไม่ได้ล่าช้า และไม่ได้ติดขัด ทำงานกันอย่างเต็มที่ ในช่วงที่มีการเกิดเหตุใหม่ทุกคนต้องกระจายกำลัง กระจายทรัพยากรคนลงไปช่วยเหลือชีวิตเรื่องความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนเป็นลำดับแรกก่อน ตอนนี้เมื่อเราทราบปัญหาหลายๆ เรื่องแล้ว เราถึงมาเร่งจัดตั้งกองบัญชาการทั้งส่วนหน้า ส่วนสนับสนุน และใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในการกำกับดูแล

สำหรับประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลตั้งศูนย์กองอำนวยการค่อนข้างช้า จากทั้งนักวิชาการและคนในพื้นที่นั้น นายอนุทิน ถามกลับว่าใคร ก็แล้วแต่เขา รัฐบาลไม่ได้ช้า คนทำงานไม่ได้ช้า รัฐบาลช่วยเหลือเต็มที่ ตอนนี้ทุกอย่างที่มีอยู่ระดมทุกอย่างเต็มที่ ทั้งงบประมาณ ทรัพยากร และการสนับสนุนจากทุกองค์กรที่รัฐบาลกำกับดูแลอยู่ รวมถึงความร่วมมือที่เราได้มาจากองค์กรต่างๆ และภาคเอกชนก็สนับสนุนอย่างเต็มที่

ในกรณีที่สถานการณ์ของโรงพยาบาลในพื้นที่ก็เกิดวิกฤตแล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ทำงานร่วมกัน น้ำทำลายวงจรไฟฟ้าต่างๆ ได้ แต่เราก็มีรถปั่นไฟของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เข้าไปสแตนด์บายรออยู่ และระดมคนจาก กฟภ. ในภาคส่วนอื่นๆ ลงไปในพื้นที่ โดยเฉพาะช่างไฟ ให้มีความมั่นใจว่าในสถานที่ที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่จะต้องมีไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลา การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยต้องมาวางแผน และแพทย์ก็บอกว่าผู้ป่วยไอซียูไม่ใช่จะเคลื่อนย้ายกันง่ายๆ ดังนั้น หากเราสามารถทำให้มีสาธารณูปโภคที่ใช้งานได้อยู่ตลอดเวลา เราก็ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้าย

ขณะที่คำถามว่าทางหน่วยงานมีข้อมูลในการเข้าไปช่วยเหลืออพยพประชาชนในพื้นที่หรือไม่ นายอนุทิน บอกว่า ในรายละเอียดจะให้โฆษกเป็นคนแถลง ส่วนแผนการระบายน้ำก็จะให้โฆษกเป็นผู้แถลง มันมีหลายหน่วยงาน หลายภารกิจ และจะตั้งคณะโฆษกที่จะแถลงเหตุการณ์ในแต่ละวัน เหมือนตอนที่ทำในช่วงโควิด-19 ซึ่งกำลังเซ็ตอัพกัน


ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าจะมีการตั้งวอร์รูมอะไรหรือไม่ นายอนุทิน ระบุ ตอนนี้เซ็ตไว้ที่ตึกภักดีบดินทร์ ไม่ใช่วอร์รูม เป็นศูนย์ปฏิบัติการที่เราไว้เชื่อมต่อกับทางหน่วยงาน และหน่วยงานต่างๆ ได้ลงไปจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแล้ว ขณะนี้คนที่จะรวบรวมการดำเนินการทั้งหมด ก็คือผู้อำนวยการสถานการณ์ เมื่อถามว่าตอนนี้รัฐบาลยังคุมสถานการณ์ได้อยู่ใช่หรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า เราก็ควบคุมสถานการณ์ ไม่ใช่ควบคุมอย่างเดียว แต่ต้องดำเนินการช่วยเหลือ และบรรเทาสถานการณ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ องคาพยพทั้งหลายก็ระดมไปอยู่ในพื้นที่หมดแล้ว

รัฐบาลจะมีแผนในการอพยพอย่างไร เพราะประชาชนกังวลว่าตรงไหนปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัย นายกรัฐมนตรี ตอบว่า ไม่ใช่รัฐบาลแต่เป็นหน้างาน โดยหน้างานจะต้องดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอย่างดีที่สุด ตอนนี้เรามีทั้งการดำเนินการ และระดมกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ซึ่งอธิบดี ปภ. ได้อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว ขณะนี้มีการยกระดับขึ้นมาเป็นภัยระดับที่ 4 ของ ปภ. ตนจะมอบหมายปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ที่สามารถจะขอความร่วมมือหรือแม้กระทั่งสั่งการข้ามหน่วยได้

คำถามว่ามีเดดไลน์หรือไม่ต้องอพยพคนออกจากบ้านเรือนให้หมดภายในวันไหน นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี เราต้องพยายามเอาออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และสถานการณ์ถ้ามันคลี่คลายลง เราจะต้องเร่งเข้าไปฟื้นฟู ดูแล และทำให้เขาเกิดความมั่นใจว่าในช่วงที่เขากำลังกลับเข้าไป ยังใช้ชีวิตอยู่บ้านเรือนของเขาได้ จะต้องมีเครื่องยังชีพทั้งหลายไว้ด้วย


นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังกล่าวด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชกระแส ทรงเป็นห่วงเรื่องการอพยพคน และได้พระราชทานสิ่งของเครื่องใช้ที่ให้ไปดูแลด้วย ส่วนการระดมสรรพกำลังต่างๆ นั้น ยานพาหนะ เครื่องมือ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่เราได้เร่งดำเนินการไปแล้ว เมื่อถามว่าต้องทำกรอบให้มันสั้นลงในการช่วยเหลือหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า ทุกอย่างต้องทำแข่งกับเวลาอยู่แล้ว

มีการประเมินสถานการณ์หรือไม่จากข้อมูลปริมาณน้ำ และข้อมูลฝน นายอนุทิน เผยว่า มีตลอด และสถานการณ์ในพื้นที่ขณะนี้ยังรอการระบายน้ำออกไป ถ้าไม่มีฝนเติมมา ซึ่งวันนี้ฝนดีกว่าเมื่อวาน ดังนั้น หากไม่มีฝนเติมเข้ามา ไม่มีน้ำไหลมาจากที่อื่น เพราะอำเภอหาดใหญ่เป็นแอ่งกระทะ น้ำจะค่อยๆ ระบาย มวลน้ำที่อยู่ในเมืองออกได้ เมื่อถึงระดับที่เราเข้าให้การช่วยเหลือ โดยที่ไม่มีอุปสรรคใดๆ แล้ว เราก็ระดมความช่วยเหลืออื่นเข้าไปในพื้นที่อย่างเต็มที่

เมื่อถามอีกว่านายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่หรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า ตอนนี้ตนเองคิดว่าควรจะติดตามอยู่ที่นี่ เพราะมีบุคลากรที่อยู่หน้างาน สั่งการ มีอำนาจโดยตรงอยู่ในพื้นที่เต็มแล้ว ที่ตนลงไป 2 วันแรก เพื่อที่จะได้เห็นสภาพ เมื่อมารับฟังรายงานและสรุปก็เห็นภาพ ก็มอบหมายและสั่งงานได้คล่องตัวขึ้น พอเห็นสภาพความเสียหายและพื้นที่ไหนน้ำท่วม น้ำขัง น้ำแรง ทุกคนก็เห็นอยู่ เราก็สามารถที่จะพูดคุยกัน และตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้น

เมื่อถามย้ำสรุปแล้วอำนาจในการตัดสินใจสถานการณ์ต่างๆ ในพื้นที่ต้องเป็นของ ผบ.ทสส. หรือของ ร.อ.ธรรมนัส พรมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศนภ.) นายอนุทิน ตอบว่า ร.อ.ธรรมนัส ในตอนนี้คือในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ถ้าไปเจอหน้างานแล้วต้องใช้อำนาจ ก็สั่งการได้ ทำในฐานะรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลก็คือนายกรัฐมนตรีที่เป็นคนสั่งการ ตนก็บอกแล้วว่ารัฐมนตรีทุกคนสั่งการเหมือนนายกรัฐมนตรี ก็ช่วยกันสั่งการไป ไม่ใช่อำนาจอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง ทุกคนที่อยู่หน้างานสามารถที่จะสั่งการได้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป้าหมายคือความปลอดภัยของประชาชน ส่วนของ ผบ.ทสส. คือการทำบูรณาการร่วมกับทุกหน่วย จะรวบรวมสถานการณ์ทั้งหมดมาและจัดความรับผิดชอบไปตามหน่วยงานต่างๆ


ส่วนคำถามว่าศูนย์รวบรวมข้อมูลจะต้องฟังรัฐบาลหรือ ผบ.ทสส. โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลกับ ผบ.ทสส. ก็คนเดียวกัน แต่อำนาจการสั่งงาน ผบ.ทสส. ก็สั่งงานได้แล้ว และหากตนเองต้องการจะให้ดำเนินการเช่นไร ก็บอก ผบ.ทสส. แล้วก็บอกทุกฝ่ายให้ความร่วมมือเต็มที่ ถือว่าเป็นการบูรณาการการทำงานภายใต้กฎหมาย

ในเรื่องการตั้ง ผบ.ทสส. เนื่องจาก ร.อ.ธรรมนัส ไม่มีแผนปฏิบัติการและการบริหารจัดการน้ำที่ดีใช่หรือไม่ นายอนุทิน ย้อนว่า พูดอย่างนี้ได้อย่างไร เขาลงพื้นที่ไปคนแรกเลย ลงไปก่อนตนเองอีก ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองเลย ร.อ.ธรรมนัส ลงไปพร้อมกับอธิบดีกรมชลประทาน และทิ้งอธิบดีกรมชลประทานให้บัญชาการเรื่องการระบายน้ำอยู่ในพื้นที่ ป่านนี้ยังไม่ได้กลับเลย ตนได้พบกับอธิบดีกรมชลประทานก็หารือกันเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา

เมื่อถามย้ำว่าเมื่อวานนี้ (24 พฤศจิกายน 2568) ร.อ.ธรรมนัส ในฐานะ ผอ.ศูนย์ไม่ได้อยู่พื้นที่ แต่กลับไปอยู่ จ.เชียงใหม่ นายอนุทิน เผยว่า เขาโทรศัพท์มารายงานแล้วว่าเครื่องบินลงไม่ได้ จะไปอยู่ จ.เชียงใหม่ หรือที่ไหนตนไม่ทราบ แต่ขณะที่ตนได้คุยกับ ร.อ.ธรรมนัส ก็บอกว่าจะรีบลงไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เพราะเมื่อวานฟ้าปิด สภาพอากาศไม่เป็นใจ

ส่วนอำนาจ 2 คนนี้จะขี่หรือซ้ำซ้อนกันใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าไม่ซ้ำซ้อน เพราะ ร.อ.ธรรมนัส ตนเอง หรือรัฐมนตรีคนอื่นๆ สามารถสั่งงานในกระทรวงเหล่านั้นของท่านได้ และสั่งให้ข้าราชการทุกคนให้ความร่วมมือกับ ผบ.ทสส. ไม่ต้องกังวลไป ทำงานด้วยกัน เมื่อสักครู่ก็ประชุมด้วยกัน ทั้งตน รองนายกรัฐมนตรี และผู้นำเหล่าทัพ ไม่มีใครมาแย่งอำนาจกันในการสั่งการเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว โดยเมื่อถามว่าฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่จะต้องฟังใคร นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบคำถาม และเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีได้ยกเลิกภารกิจช่วงบ่ายทั้งหมด โดยมอบหมาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) แทน และมอบหมาย นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมวิชาการโรคมะเร็งแห่งชาติ ครั้งที่ 16 และเปลี่ยนมาประชุมติดตามสถานการณ์น้ำที่ตึกไทยคู่ฟ้า โดยเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือและอัปเดตสถานการณ์