น้ำท่วมหาดใหญ่เป็นวิกฤติในรอบ 15 ปี “อนุทิน” สั่งระดมทุกหน่วยงานทั้งรัฐ-เอกชนเข้าช่วยเหลือประชาชน ต้องวางแผนไม่ให้เกิดขึ้นอีก ลั่น 4 ปีข้างหน้าปัญหาไทย-กัมพูชาต้องจบ
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย น.ส.ธนนนท์ นิรามิษ ภริยา ร่วมงาน Dinner Talk ภายใต้หัวข้อ “THAILAND THE NEXT 4 YEAR” ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายกรัฐมนตรีกล่าวก่อนเริ่มปาฐกถาว่า ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่มาร่วมงานในวันนี้สาย ตั้งแต่เช้ามีภารกิจต่อเนื่องมาโดยตลอด และมีเหตุการณ์ที่ใช้เวลาเยอะ คือเหตุการณ์อุทกภัยน้ำท่วมที่ภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ถึงแม้จะลงไปดูสถานการณ์และไปสั่งการถึง 2 วันติดต่อกัน แต่ฟ้าก็ไม่เป็นใจ เพราะหลังจากกลับมาปรากฏว่ามีมวลน้ำอีกระลอกหนึ่ง ซึ่งไม่ได้คาดฝันว่าจะมีจำนวนมหาศาลขนาดนี้เข้ามาในอำเภอหาดใหญ่
ทั้งนี้ นอกจากเป็นน้ำที่มาจากนอกพื้นที่แล้ว ยังมีปริมาณฝนที่ตกไม่หยุดและเป็นการตกที่ค่อนข้างหนักตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยรับทราบมาว่าเป็นวิกฤติในรอบ 15 ปี ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สูงสุด อย่างไรก็ตาม ก็ได้สั่งการและมอบหมายให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและผู้ที่รับผิดชอบในสถานการณ์ต่างๆ อยู่ในพื้นที่และอำนวยการรักษาสถานการณ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การช่วยเหลือต่างๆ มีความพร้อมแล้ว
“ตอนนี้สู้กับธรรมชาติ แต่ในเรื่องของการดูแลให้ความช่วยเหลือกับประชาชน มีการเตรียมตัวโดยระดมหน่วยงานทุกหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชน ถือเป็นครั้งแรกเหตุการณ์ที่หาดใหญ่ ทำให้ต้องมานั่งคิดว่าแค่ข้ามคืนเดียวเมื่อมีภัยพิบัติไม่ใช่เฉพาะเรื่องน้ำ ถ้ามันตัดไฟ ตัดน้ำ ตัดการเดินทางทุกโหมด สิ่งที่มันเกิดขึ้นภายในไม่ถึง 10 ชั่วโมง เมืองหาดใหญ่กลายเป็นเมืองที่ไม่สามารถหาทรัพยากรอะไรได้เลย อาหารไม่มี วัตถุดิบไม่มี จะต้องให้ความสำคัญในการวางแผนรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก โดยเฉพาะเมืองที่มีสภาพเศรษฐกิจเติบโตอย่างเมืองหาดใหญ่”
...
4 ปีข้างหน้าปัญหาไทย-กัมพูชาต้องจบ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวตอนหนึ่งถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาด้วยว่า 4 ปีข้างหน้าปัญหาไทย-กัมพูชาต้องจบได้แล้ว ความขัดแย้งไม่เป็นผลดีกับใครทั้งสิ้น ต้องทำให้สถานการณ์กลับมาในทางที่ควรจะเป็น วันนี้มีความชัดเจนแล้วว่า หากผู้นำสองประเทศชัดเจนแล้วว่า ถ้าปักหมุดไม่จบ ปัญหาก็ไม่จบ ไทยจึงพร้อมใจกลับมาแก้ปัญหาที่ต้นตอ และโฟกัสกันที่สาเหตุ เมื่อกระบวนการถูกต้องพิสูจน์ได้ในทางวิทยาศาสตร์ ก็เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายและก็จะได้ไม่ต้องทิ้งปัญหาเหล่านี้ให้เป็นภาระของลูกหลานต่อไป หรือเป็นภาระของไทยเองในอนาคตอันใกล้ ฉะนั้น 4 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าไว้ว่าความสัมพันธ์ของไทยกับเพื่อนบ้านทุกประเทศ หากดำเนินนโยบายการต่างประเทศเช่นนี้ จะต้องเป็นไปในทางบวกอย่างแน่นอน จะไม่เก็บปัญหาเหล่านี้ไว้บั่นทอนความเจริญก้าวหน้าของประเทศของไทยอีกต่อไป.