“สนธิญา” บุกร้อง ปปง. ตรวจสอบเส้นเงินอดีต ผบ.เรือนจำและเจ้าหน้าที่เอื้อผู้ต้องขังจีนเทา ปูดเงินสะพัดกว่า 3-15 ล้าน คาดเปิดโปงเพราะหักหลัง ตั้งข้อสังเกตเคยให้เงินหนุนบางพรรคการเมืองหรือไม่
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางมายังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อยื่นหนังสือให้ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและเจ้าหน้าที่เรือนจำที่ต้องสงสัยว่าเอื้อผลประโยชน์ให้ผู้ต้องขังจีนในเรือนจำ โดยให้ตรวจสอบและยึดอายัดทรัพย์สินทั้งหมดของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาเป็นของรัฐและดำเนินคดีในฐานความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 จำนวน 7 ข้อ
นายสนธิญา เปิดเผยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นผลงานชิ้นโบดำของกรมราชทัณฑ์ หลังจากก่อนหน้านี้มีประเด็นการเอื้อผลประโยชน์ให้แก่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาก่อน แต่ตนไม่ได้ชี้ว่าอดีตผู้บัญชาการเรือนจำฯ และเจ้าหน้าที่เรือนจำฯ ทั้งหมดนั้นเป็นผู้กระทำความผิด เพียงแต่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในยุคของอดีตผู้บัญชาการเรือนจำฯ รายนี้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งการเอื้อผลประโยชน์ในการเยี่ยมผู้ต้องขังชาวจีนในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุดที่ไม่ให้เยี่ยมอยู่แล้ว จนนำมาสู่การนำผู้หญิงมาปรนนิบัติให้บริการผู้ต้องขังจีน
ทั้งนี้ ตนเชื่อแน่ชัดว่าต้องมีการจ่ายเงินเพื่อตอบแทนการเอื้อผลประโยชน์ในครั้งนี้ เพราะได้รับข้อมูลจากสายซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รวมทั้งแม่บ้านที่อยู่ภายใน บอกว่าน่าจะมีการจ่ายเป็นเงินสดตั้งแต่ 3-15 ล้านบาท และต้องไปรับเงินที่ต่างประเทศ คนกลุ่มนี้จะไม่นำเงินผ่านระบบบัญชีธนาคารในประเทศไทยเพื่อไม่ให้เกิดพยานหลักฐาน จึงเป็นเหตุทำให้ตนมาส่งเรื่องให้ทาง ปปง. รับไปพิจารณาและตรวจสอบเส้นทางการเงิน รวมทั้งดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินของอดีตผู้บัญชาการเรือนจำฯ เจ้าหน้าที่ผู้ร่วมขบวนการ รวมทั้งครอบครัวและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบว่ามีความผิดหรือไม่ โดยอาศัยความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงินจำนวน 7 ข้อ ได้แก่
...
- ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
- ความผิดเกี่ยวกับการกรรโชกโดยอ้างอำนาจอั้งยี่ซ่องโจร
- ความผิดเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกอั้งยี่หรือมีส่วนร่วมในการเป็นองค์กรอาชญากรรม
- ความผิดเกี่ยวกับรับของโจร
- ความผิดเกี่ยวกับการหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังเพื่อเรียกรับผลประโยชน์
- ความผิดเกี่ยวกับการรีดกรรโชกทรัพย์เป็นกิจธุระ
- ความผิดอื่นๆ ที่เป็นการอั้งยี่ซ่องโจร
นายสนธิญา เผยอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นต้องการให้ทาง ปปง. ดำเนินการตรวจสอบเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างและจัดการขั้นเด็ดขาด เพราะถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้นกับคุกประเทศไทย นับเป็นครั้งแรกที่นำผู้หญิงเข้าไปในเรือนจำแบบนี้ และเชื่อว่าถึงแม้กลุ่มคนเหล่านี้จะพยายามไม่ให้มีพยานหลักฐานตกหล่น แต่เชื่อมือว่า ปปง. จะสามารถไล่ตรวจสอบได้
ส่วนสาเหตุที่เรื่องดังกล่าวแดงขึ้นนั้น จากข้อมูลของสายตนเองระบุว่า น่าจะเกิดจากกระบวนการหักหลังกันเอง เพราะอาจจ่ายเงินกันไม่ครบหรือแบ่งผลประโยชน์กันไม่ลงตัว เงินที่จ่ายกันอาจจะไม่ถึงเจ้าหน้าที่บางราย เลยหักหลังเปิดเรื่องราวดังกล่าว ขณะที่ตัวอดีตผู้บัญชาการเรือนจำฯ ตนเคยรู้จัก แต่ตนไม่ทราบข้อมูลว่าเคยทำแบบนี้มาก่อนจากที่อื่นหรือไม่
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าพบผู้ต้องขังไทยได้รับการเอื้อผลประโยชน์คล้ายผู้ต้องขังจีนแบบนี้หรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า จริงๆ ผู้ต้องขังหรือนักโทษชาวไทยได้รับการเอื้อผลประโยชน์มานานแล้ว แต่จะเป็นรูปแบบของการให้อภิสิทธิ์แก่ผู้ต้องขังชั้นดีที่ใกล้จะออกจากเรือนจำในการขออนุญาตผู้บัญชาการเรือนจำต่างๆ เป็นรายกรณีที่จะออกไปข้างนอกได้ เช่น ไปงานศพคนในครอบครัว หรืออาจจะไปรับประทานอาหาร บางรายถึงขนาดไปนั่งรับประทานอาหารริมทะเล แต่ยังมีผู้คุม 2 คนควบคุมไปด้วยและใช้รถของกรมราชทัณฑ์ แต่ประเด็นเหล่านี้ตนไม่มีปัญหาและไม่ได้รู้สึกติดใจ เพราะมองเป็นเรื่องปกติ และกำหนดให้เฉพาะนักโทษชั้นดีเท่านั้น แต่เรื่องการนำผู้หญิงเข้าไปปรนนิบัติแบบนี้ตนไม่ทราบมาก่อนว่าเคยมีหรือไม่ รวมทั้งกรณีผู้ต้องขังชาวจีนแบบนี้ ตนรับไม่ได้อย่างมาก
ในช่วงท้าย นายสนธิญา ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยร้องเรียนกับทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่ามีกลุ่มจีนเทาให้การสนับสนุนพรรคการเมืองพรรคหนึ่งในการลงเลือกตั้งที่จังหวัดนครศรีธรรมราชครั้งที่ผ่านมา โดยมีกระแสเงินสะพัดกว่า 100 ล้านบาท และให้วัว 60 ตัว แต่ตนไม่แน่ใจว่าเป็นกลุ่มจีนเทาเดียวกันกับที่ก่อเหตุครั้งนี้หรือไม่.