“วิโรจน์” หวั่นไทยถูกขึ้นบัญชีดำ ลูบหน้าปะจมูก "สแกกมเมอร์" พร้อมจี้ล้างบางคุก VIP รับใช้ทุนเทา แนะต้องตรวจสอบย้อนหลังถึงยุค คสช. พร้อมขยายผลสอบมาเฟียข้ามชาติ
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 นายวิโรจน์ ลักษณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนักโทษชาวจีนเทาว่า กรณีดังกล่าวสะท้อนปัญหามาเฟียข้ามชาติ หรือกลุ่มทุนจีนเทาที่กำลังเข้ามามีอิทธิพลและสร้างความเสียหายอย่างหนักในประเทศไทย การที่นักโทษจีนเทาได้รับการปรนเปรอและได้รับอภิสิทธิ์ต่างๆ ในเรือนจำเป็นเรื่องที่น่าหนักใจ แสดงให้เห็นว่ามาเฟียเหล่านี้สามารถสร้างอาณาจักรในคุกได้อย่างสุขสบาย และอาจอยู่ในสถานะที่เหนือกว่าผู้บริหารเรือนจำด้วยซ้ำ
นายวิโรจน์บอกต่อว่า จีนเทาเหล่านี้เข้ามาทำธุรกิจฟอกเงิน สร้างอาณาจักรศูนย์เหรียญ (ธุรกิจที่เน้นบริการเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนโดยไม่จ่ายภาษี) ทำให้ธุรกิจสุจริตของคนไทยในพื้นที่ท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เกาะพะงัน ไม่สามารถอยู่รอดได้ ตนอยากตั้งคำถามว่า มีการสืบสวนสอบสวนว่าผู้บริหารเรือนจำยอมเป็นลูกสมุนรับใช้ให้พวกมาเฟียข้ามชาติเหล่านี้หรือไม่
รองหัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวต่อว่า ข้อสังเกตถึงการเข้ามามีอำนาจของมาเฟียข้ามชาติในไทย โดยเฉพาะประเด็นธุรกิจ “ศูนย์เหรียญ” ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามามีอำนาจ มาเฟียข้ามชาติหรือจีนเทาที่เข้ามาในไทยเหล่านี้ เสวยอำนาจสร้างอาณาจักรศูนย์เหรียญตั้งแต่เมื่อไหร่ ตั้งแต่ยุค คสช. ไม่ใช่หรือ และไม่กลัวมาตรา 44 ในยุคนั้น
นายวิโรจน์เน้นย้ำว่า ในยุคที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี มีมาตรา 44 อยู่ในมือ สามารถสั่งการอะไรก็ได้แต่ทำไมจีนเทามาเฟียข้ามชาติที่ชั่วช้าถึงไม่กลัวมาตรา 44 แต่กลับเป็นเพียงประชาชนที่ทุจริตเท่านั้นที่กลัว ดังนั้นหากจะสืบสวนขยายผลย้อนหลัง ต้องย้อนไปตรวจสอบตั้งแต่ในยุค คสช. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรือนจำเป็นไปไม่ได้ที่ ผบ.เรือนจำจะกล้าทำเพียงลำพัง อาจมีนักการเมืองชั่วเข้ามาเกี่ยวข้องและรับสินบนจากมาเฟียข้ามชาติเหล่านี้
...
นายวิโรจน์บอกด้วยว่า เงินจากแก๊งสแกมเมอร์ที่หลอกลวงออนไลน์เฉพาะในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 115,300 ล้านบาทต่อปี (วันละ 316 ล้านบาท) เงินเหล่านี้จำเป็นต้องถูกฟอกและนำไปสร้างอาณาจักรเพื่อติดสินบนเจ้าหน้าที่ ตนสงสัยว่าเหตุใดจึงมีการตัดตอนการสอบสวนเฉพาะที่ผู้บัญชาการเรือนจำเท่านั้น ทั้งที่มีความผิดมูลฐานเกิดขึ้นแล้ว และเกี่ยวข้องกับมาเฟียข้ามชาติ ปปง.ต้องสืบเส้นทางการเงินของข้าราชการทุกคนที่เกี่ยวข้องในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และต้องใช้ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติมาใช้ในการสืบสวนขยายผล อายัดทรัพย์ และติดตามเส้นเงินของมาเฟียข้ามชาติ
นายวิโรจน์แสดงความกังวลว่า การที่ประเทศไทยไม่สกัดกั้นทุนเทาข้ามชาติอย่างเด็ดขาด อาจทำให้ประเทศไทยกลายเป็น “คู่หูโจร” ที่คอยเอาเงินสกปรกจากแก๊งสแกมเมอร์ที่กัมพูชามาเก็บให้ และอาจส่งผลให้องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามการฟอกเงินของโลกพิจารณา ติดบัญชีเทาและแบล็คลิสต์ให้กับทั้งกัมพูชาและไทย