ประธานกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญคาด เปิดสภาสมัยวิสามัญช่วง 8-11 ธ.ค. นี้ มั่นใจพิจารณาชั้นกมธ.เสร็จไม่เกิน 21 พ.ย. มองการเดินหน้าข้อตกลง MOA เป็นไปด้วยดี 


เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 20 พ.ย.2568 ที่รัฐสภา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ประธานคณะกมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ภาพรวมพิจารณารายมาตรา เดินหน้าถึงเรื่องกลไกรับฟังความคิดเห็น ซึ่งยืนยันว่า การพิจารณาทั้งหมด จะแล้วเสร็จในวันที่ 21 พ.ย. 2568 ค่อนข้างมั่นใจ โดยยังมีขั้นตอนทางธุรการ จัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์ส่งให้ประธานรัฐสภา เพื่อนำแจ้งต่อ ครม. ถึงความพร้อมของรัฐธรรมนูญ ที่จะนำไปสู่การเปิดประชุมสมัยวิสามัญ และเมื่อส่งไปให้ครม.พิจารณา ก็ยังมั่นใจว่า การประชุมครม.วันที่ 25 พ.ย. 2568 ควรจะต้องมีมติว่า เห็นควรให้มีการกราบบังคมทูลฯ เพื่อให้เปิดสมัยประชุมวิสามัญหรือไม่ เชื่อว่าน่าจะอยู่ในกรอบระหว่างวันที่ 8-11 ธ.ค.2568

โยนครม.ชงคำถามประชามติ

เมื่อถามว่าทางกมธ.จะต้องตั้งคำถามเพื่อทำประชามติหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เรื่องนี้เราพิจารณากันหลายรอบ และได้มีการเชิญหน่วยงานต่าง ๆ มาให้ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้ข้อสรุปตรงกันว่าคำถามน่าจะเป็น ครม. เป็นผู้ตั้งคำถาม แต่ในส่วนของญัตติที่จะนำไปสู่การมีคำถามไม่ว่าจะเป็นคำถามที่ 1 และคำถามที่ 2 จะต้องมาจากรัฐสภา ก็คงขึ้นอยู่กับฝ่ายการเมืองจะคุยกันอย่างไร แต่เชื่อว่าจะต้องพิจารณาญัตติที่เกี่ยวข้องกับการตั้งคำถาม เพื่อนำไปสู่ประชามติ ในวาระ 2 หรืออย่างช้าที่สุดในวาระ 3

ท่องคาถา MOA กั๊กเรื่องซักฟอก

...

นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า พรรคให้ตนโฟกัสเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหลัก แต่ไม่ว่าจะมีพรรคใดเริ่มยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคปชน. ยืนยันว่าในฐานะที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน เราพร้อมทำหน้าที่เต็มที่ในทุกมิติแน่นอน ส่วนจะเป็นการยื่นอภิปรายด้วยตัวเองของพรรคปชน. ที่มีเสียง สส. ครบหรือไม่ ยังอยู่ในขั้นการพิจารณา คงจะพิจารณาประกอบตามเงื่อนไขที่ปรากฏใน MOA ส่วนคุณสมบัติของรัฐมนตรีรายบุคคลก็ไม่ต้องรอให้มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากรัฐบาลเห็นว่าบุคคลเหล่านั้นมีคุณสมบัติที่มีปัญหา หรือมีข้อกังขาสำหรับประชาชนก็สามารถใช้กลไกอื่นจัดการได้อยู่แล้ว เพื่อให้การเดินหน้าตามข้อตกลง MOA เป็นไปด้วยดี และเป็นสิ่งที่รัฐบาลประกาศไว้เองว่าจะเป็นผู้ปราบปรามธุรกิจสีเทาต่าง ๆ และผลจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความจริงใจของรัฐบาล ถ้าไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา การเปิดอภิปรายไม่ว่าจะเป็นมาตรา 151 หรือ 152 หรือการยื่นตรวจสอบคุณสมบัติอื่น ๆ ก็เป็นอาวุธหรือเครื่องมือที่ฝ่ายค้านเตรียมไว้ทุกมิติ

รอหาข้อสรุป

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า เข้าใจว่า สส. ของพรรคปชน. มีการหารือมาโดยตลอดว่าจะใช้เครื่องมือใดในการตรวจสอบรัฐบาล โดยจะเป็นการยื่นญัตติอภิปรายเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ ไม่ว่าจะเป็นตามมาตรา 151 หรือ 152 ซึ่งคงต้องหาข้อสรุปของที่ประชุม สส. พรรคและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป