“นายกฯ อนุทิน” ลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ติดตามคดีจับยาเสพติด 10 ล้านเม็ด และคดีออกบัตรประชาชนเถื่อนให้ชาวต่างด้าว ลั่น นายอำเภอที่เกี่ยวข้อง ต้องถูกดำเนินคดีและออกจากราชการไว้ก่อน
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 ที่ท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เดินทางไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41 ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
โดยนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ว่า วันนี้ตนเองเดินทางลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจการแก้ปัญหายาเสพติด และติดตามเรื่องการจับกุมผู้ที่แอบออกบัตรประชาชนผิดกฎหมายให้กับต่างชาติและต่างด้าว รวมไปถึงติดตามการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ที่ได้ทำมาตั้งแต่สมัยตนเองเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาลก่อน ซึ่งน่าจะมีความคืบหน้า
...
ส่วนการลงพื้นที่วันนี้จะสั่งการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เขาทำได้ดีกันอยู่แล้ว วันนี้ก็สามารถจับยาเสพติดได้กว่า 10 ล้านเม็ด ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงเรื่องการปราบปรามการกระทำที่เป็นการทุจริต นายอำเภอที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก็ต้องถูกดำเนินคดีเช่นกัน และออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า ต้องเอางานราชการก่อน ส่วนงานการเมืองมีคนช่วยเยอะ ก่อนหันไปหานายทรงศักดิ์ ทองศรี และนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
จากนั้นนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางถึง จ.เชียงใหม่ โดยนายกรัฐมนตรีเดินทางต่อไปยังบริเวณเชิงสะพานเม็งราย อ.เมืองเชียงใหม่ ด้วยรถโตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน กจ 8888 เชียงใหม่
นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีส่งมอบโครงการเพิ่มศักยภาพการรองรับและการไหลของแม่น้ำปิง เพื่อป้องกันอุทกภัยเขตเมืองเชียงใหม่ ระยะเร่งด่วน บริเวณพื้นที่สาธารณประโยชน์ริมแม่น้ำปิง (เชิงสะพานเม็งราย) อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ และเป็นประธานสักขีพยานในโอกาสผู้บัญชาการทหารสูงสุดส่งมอบโครงการฯ ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
นายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จ.เชียงใหม่ ประสบกับสถานการณ์อุทกภัย ในช่วงเดือนกันยายน 2567 ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ส่งผลกระทบต่อทางเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาทและยังต้องจ่ายเงินเยียวยา เพื่อชดเชยประชาชน ทั้งนี้ จ.เชียงใหม่ ได้รับการสนับสนุนเงินงบประมาณจากรัฐบาล เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน โดยได้ดำเนินการขุดลอกแม่น้ำปิง กว่า 41 กิโลเมตร ทำให้ช่วงฤดูฝนที่ผ่านมาในปี 2568 ที่จังหวัดเชียงใหม่ได้รับผลกระทบจากพายุหลายลูก ทำให้แม่น้ำปิงมีศักยภาพระดับน้ำเพิ่มมากขึ้น จึงไม่ส่งผลกระทบ และสร้างความเสียหายให้กับประชาชน รวมถึงสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในพื้นที่
ขณะที่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาร่วมเป็นสักขีพยานและแสดงความยินดีต่อความสำเร็จของโครงการเพิ่มศักยภาพการรองรับและการไหลของแม่น้ำปิงเพื่อป้องกันอุทกภัยเขตเมืองเชียงใหม่ในระยะเร่งด่วน ช่วงหลายปีที่ผ่านมาปัญหาอุทกภัยในเขตเมืองเชียงใหม่ได้สร้างความเสียหายต่อชีวิตทรัพย์สินและเศรษฐกิจของจังหวัดนี้อย่างมหาศาล
โครงการนี้จึงไม่ใช่แค่การขุดลอกหรือขุดดินออกจากลำน้ำเท่านั้น แต่เป็นการลดและกำจัดปัญหาที่สะสมมาอย่างยาวนานและเป็นการสร้างความมั่นคงทางน้ำกลับคืนสู่ชาวเชียงใหม่อย่างเป็นรูปธรรม ตนขอชื่นชมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่กรมชลประทาน กองทัพไทยโดยเฉพาะหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จ.เชียงใหม่ และท้องถิ่นที่ทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็งแข่งกับเวลาเพื่อให้การกำจัดปัญหาพวกนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และยังถือเป็นเรื่องที่ดีที่ภาครัฐ กองทัพ ท้องถิ่นรวมพลังกันเพื่อสนับสนุนการพัฒนา และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน
โครงการนี้จะเพิ่มความจุของแม่น้ำทำให้ลำน้ำ ลึกขึ้น กว้างขึ้น รับน้ำได้มากขึ้นและช่วยลดโอกาสน้ำล้นตลิ่งในเขตเมือง ซึ่งจะเป็นการบรรเทาอุทกภัยเมืองเชียงใหม่อีกทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นคงในช่วงฤดูแล้งทำให้เก็บน้ำไว้ใช้ได้มากขึ้น ชุมชนจะมีน้ำเพียงพอในช่วงหน้าแล้ง
สำหรับทั้งการอุปโภคบริโภคและการเกษตร นอกจากนี้ยังมีผลประโยชน์จากดินคุณภาพดีที่ขุดลอกขึ้นมาสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ช่วยลดภาระงบประมาณของรัฐ จนถือว่าโครงการนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำปิงอย่างยั่งยืน
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ต่อจากนี้ไปจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องใน 2 เรื่องหลัก คือ การบำรุงรักษาให้มีความต่อเนื่อง และการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันการบุกรุกป่าต้นน้ำ การจัดการสิ่งกีดขวางทางน้ำ ทำให้น้ำไหลจากเหนือสู่ใต้ได้เป็นระบบและปลอดภัยต่อทุกชุมชน รัฐบาลจะเดินหน้าสนับสนุนแผนงานระยะต่อไปอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการบริหารจัดการน้ำให้เกิดความสมบูรณ์และยั่งยืนทั่วทั้งจังหวัดและครอบคลุมทั่วทั้งลุ่มน้ำปิงต่อไป และนี่คือ ความสำเร็จจากความร่วมมือของทุกฝ่ายทุกๆ คน จึงขอให้สานต่อพลังความร่วมมือนี้ต่อไป เราต้องช่วยกันดูแลรักษาแม่น้ำให้เป็นสายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิต ความเจริญและความภาคภูมิใจของชาว จ.เชียงใหม่ ตลอดจนผู้ที่มาเยือนเชียงใหม่ทุกคน ก่อนนำคณะปล่อยพันธุ์ปลา บริเวณริมแม่น้ำปิง โดยเป็นพันธุ์ปลาตะเพียนและปลาสวาย จากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเชียงใหม่ รวมทั้งหมด 100,000 ตัว