โฆษกรัฐบาล สวน “วันนอร์” ย้อนแย้ง ตีความคับแคบ หลังชี้ช่องฝ่ายค้านยื่นซักฟอก ปิดทางนายกฯ ยุบสภาฯ ชี้ ประธานสภาฯ ต้องตรวจญัตติแล้วแจ้งนายกฯ ทราบก่อน ถึงจะยุบสภาฯ ไม่ได้
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกมาให้ความเห็นว่า แค่ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรีก็ยุบสภาฯ ไม่ได้แล้วว่า เรื่องนี้ ตนเองมองว่า อาจารย์วันนอร์ ตีความในทางที่แคบเกินไป ไม่ได้ตีความจากข้อเท็จจริงที่ใช้ปฏิบัติ เพราะในเงื่อนไขหลังการยื่นไป นายกรัฐมนตรีจะยื่นยุบสภาฯ ไม่ได้ เว้นแต่มีการถอนญัตติ หรืออภิปรายแล้ว เสียงได้ไม่เกินกึ่งหนึ่ง
แต่ในความเป็นจริง การที่ฝ่ายค้านมายื่น ไม่เพียงพอเป็นเหตุที่จะมาบอกว่าฝ่ายบริหาร จะยุบสภาฯ ไม่ได้ เพราะถึงเวลาแล้ว ประธานสภาฯ ต้องมีหน้าที่ในการตรวจญัตติให้ครบถ้วนก่อน และต้องแจ้งให้นายกรัฐมนตรี ทราบ ดังนั้นการที่จะยุบสภาฯ ไม่ได้ ก็ต่อ 1. เมื่อประธานสภาฯ ตรวจยุติแล้วบรรจุลงในระเบียบวาระ 2. แจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ เมื่อสองอย่างครบถ้วนแล้ว จึงจะมาบอกได้ว่า นายกรัฐมนตรีไม่มีสิทธิ์ยุบสภาฯ
นายสิริพงศ์ ยังยกตัวอย่าง รัฐบาลที่แล้ว กรณีที่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งพาดพิงบุคคลภายนอก ถึงอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่พรรคฝ่ายค้านเป็นผู้ยื่น ซึ่งประธานสภาฯ ก็ยังไม่รับบรรจุในทันทีทันใด และไปขอให้ฝ่ายค้านแก้ญัตติ ถ้าเราจำกันได้ ฝ่ายค้านก็ต้องมาแก้ญัตติกันหลายครั้ง ดังนั้น การกระทำของอาจารย์วันนอร์ในอดีต จึงเป็นสิ่งยืนยันว่า ประธานสภาฯ ต้องตรวจญัตติก่อน และเงื่อนไขที่จะครบถ้วนว่านายกรัฐมนตรีไม่มีสิทธิ์ยื่นยุบสภาฯ คือ ต้องตรวจญัตติก่อน และแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ ดังนั้นการที่พูดแบบนั้นออกมา เท่ากับว่าย้อนแย้งกับสิ่งที่ท่านเคยทำมาในอดีต พร้อมย้ำว่าที่ออกมาพูดไม่ได้หมายความว่า รัฐบาลจะยุบสภาฯ ก่อนหรือไม่ แต่ไม่อยากให้ต้องมาพูดเรื่องเหล่านี้กลับไปกลับมา เพราะท่านนายกฯ พูดหลายรอบแล้วว่า ตาม MOA
...