รมว.ศึกษาธิการ หารือ 2 องค์กรใหญ่ด้านภาษาจีนนานาชาติ กระชับความร่วมมือ เดินหน้าขยาย “ห้องเรียนขงจื่อ-ลูปันเวิร์กช็อป-ศูนย์สอบ HSK” ชี้ เป็นอีกก้าวสำคัญยกระดับการศึกษาไทยให้เทียบเท่านานาชาติ
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ เข้าพบหารือกับนายจ้าว หลิงชัน (Mr. Zhao Lingshan) เลขาธิการมูลนิธิการศึกษาภาษาจีน นานาชาติ และนายจง อิงฮั่ว (Mr. Zhong Yinghua) ประธานสมาคมภาษาจีนนานาชาติ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อกระชับความร่วมมือด้านการจัดการเรียนการสอนภาษาจีนระหว่างไทย–จีนอย่างรอบด้าน ทั้งในระดับโรงเรียน อาชีวศึกษา และสถาบันเอกชนของไทย
โดยระหว่างการหารือ ศ.ดร.นฤมล กล่าวถึงนโยบายหลักของกระทรวงศึกษาธิการที่ให้ความสำคัญกับการยกระดับทักษะภาษาจีนในทุกระดับการศึกษา ทั้งระดับพื้นฐาน อาชีวศึกษา และเอกชน ซึ่งปัจจุบันมีความต้องการสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตามทิศทางเศรษฐกิจโลกและการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับจีน รมว.ศึกษาธิการ เน้นว่าการเรียนภาษาจีนไม่ใช่เพียงเรื่องภาษา แต่เป็นประตูสู่โอกาสในอนาคต ทั้งด้านการค้า การท่องเที่ยว การลงทุน และการร่วมพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ระหว่างสองประเทศ
“กระทรวงศึกษาธิการได้หารือกับฝ่ายจีนถึงแนวทางขยายความร่วมมือในหลายมิติ โดยเฉพาะการจัดตั้งศูนย์สอนและสอบวัดระดับภาษาจีน HSK ในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยรองรับผู้เรียนจำนวนมากที่ต้องการสอบวัดระดับภาษาจีน ทั้งเพื่อการศึกษาต่อ การทำงาน และการรับทุนการศึกษาจากจีน นอกจากนี้ยังมีการหารือถึงการจัดตั้ง Luban Workshop แห่งใหม่ที่วิทยาลัยเทคนิคระยอง เพื่อเป็นศูนย์กลางฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและนวัตกรรมสมัยใหม่ รวมถึงการตั้งศูนย์ฝึกอบรม 1+X แห่งแรกของประเทศที่วิทยาลัยเทคนิคบ้านค่าย เพื่อพัฒนาหลักสูตรวิชาชีพให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่ได้รับการรับรองจากทั้งไทยและจีน”
...
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ฝ่ายจีนทั้งมูลนิธิการศึกษาภาษาจีนนานาชาติและสมาคมภาษาจีนนานาชาติ แสดงความพร้อมอย่างเต็มที่ในการสนับสนุนความร่วมมือกับไทย พร้อมย้ำว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่จีนให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ ในการส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีน และเห็นว่าไทยมีศักยภาพสูงมากในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการศึกษาภาษาจีนของอาเซียน สำหรับบทบาทสำคัญของสมาคมในการพัฒนามาตรฐานครูภาษาจีนนานาชาติ การออกแบบหลักสูตร และการจัดกิจกรรมแข่งขันทางวิชาการ ก็พร้อมสนับสนุนไทยในทุกด้าน ทั้งด้านบุคลากร เทคโนโลยีการสอน และการวิจัยทางภาษา
“การหารือในครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของไทย-จีนในมิติการศึกษา แต่ยังเป็นการวางรากฐานสู่การสร้างโอกาสในอนาคตสำหรับนักเรียน นักศึกษา ครู และสถานศึกษาไทย ที่จะได้เข้าถึงทรัพยากรและมาตรฐานสากลของจีนมากยิ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันในการเดินหน้าความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับเศรษฐกิจยุคใหม่ที่ต้องการทั้งทักษะภาษา เทคโนโลยี และความเข้าใจวัฒนธรรมในระดับลึกซึ้ง จึงเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยให้เทียบเท่านานาชาติ พร้อมเสริมสร้างมิตรภาพระหว่างไทย-จีนให้มั่นคงและยั่งยืนต่อไป”