“อิสระ” เปิดตัว “พล.ท.บุญสิน” ผอ.หลักสูตร สสสส. สถาบันพระปกเกล้า แนะเจ้าหน้าที่รัฐต้องลงพื้นที่จริงมากกว่านั่งโต๊ะ ขอไม่พูดเรื่องความมั่นคง ส่วนปมภาษีสหรัฐฯ ต้องให้กำลังใจนายกฯ
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 สถาบันพระปกเกล้า จัดงานเสวนาวิชาการเรื่อง “ความเข้าใจ MOU 43-44 ไทย-กัมพูชา : จากข้อตกลงสู่การปฏิบัติ” โดยมี นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาค 2 ที่ปรึกษา ผบ.ทบ. ในฐานะที่ปรึกษาพิเศษสถาบันพระปกเกล้า และผู้อำนวยการหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข (สสสส.) พล.ท.ชาคร บุญภักดี เจ้ากรมแผนที่ทหาร และนายทรงชัย ชัยปฏิยุทธ รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมเสวนา
นายอิสระ กล่าวว่า สถาบันพระปกเกล้าต้องทำหน้าที่เป็นคลังสมองของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านนิติบัญญัติ ทั้งนี้ การทำประชามติเป็นการทำไปโดยกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้งหากจะมีการยกเลิกข้อตกลงใดๆ ระหว่างรัฐ ก็จะต้องจัดทำประชามติ ซึ่งการทำประชามติแต่ละครั้ง รัฐมีค่าใช้จ่ายราวๆ 18,000 ล้านบาท แต่หากนำมาจัดทำรวมกันกับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นย่อมจะประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีทุกอย่าง การประหยัดค่าใช้จ่ายนั้นอาจต้องแลกมากับความสับสนของประชาชนในคูหา ลำพังบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ สำหรับการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ก็สับสนพอแล้ว เบอร์ของแต่ละพรรคคนละเบอร์กัน ครั้งนี้อาจจะมีบัตรอีก 2 ใบ รวมเป็น 4 ใบ โดยประกอบด้วย 5 คำถาม ก็เป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 40 ล้านคน
ดังนั้น สถาบันพระปกเกล้าในฐานะคลังสมองของประเทศ จึงควรลดความสับสน สร้างความเข้าใจและสร้างข้อมูลที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ไม่ใช่อารมณ์ความรู้สึก ซึ่งความรู้สึกอารมณ์รักชาติเป็นสิ่งที่ดี แต่หากไม่มีข้อเท็จจริงประกอบ ก็จะนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างที่เราเห็นมาแล้วในหลายประเทศ ในส่วนที่สองของงานในวันนี้จึงเป็นการเสวนาในหัวข้อ ความเข้าใจ MOU 2543-2544 ไทย-กัมพูชา จากข้อตกลงสู่การปฏิบัติ
...
ทางด้าน พล.ท.บุญสิน กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนไม่ใช่นักวิชาการ แต่ทั้งชีวิตปฏิบัติงานจริงมาตั้งแต่จบเป็นร้อยตรี อยู่กับสังคมที่ไม่สันติสุขเยอะมาก ทั้งสังคมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรืออยู่กับพี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้ 4 ปี ตนและทีมงานออกลงพื้นที่ไปด้วยกันตลอด หยุดเพียงวันอาทิตย์ ถ้าตนไม่ออกก็ไม่รู้ว่าพี่น้องในพื้นที่คือใคร กินอยู่อย่างไร เดือดร้อนเรื่องอะไร ประเทศไทยเหมือนกัน ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐที่รับผิดชอบนั่งโต๊ะน้อยๆ หน่อย งานที่ท่านรับผิดชอบสันติสุขแน่นอน
ทั้งนี้ ตนชื่นชมท่านเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ที่ให้วิสัยทัศน์สำหรับการรับผู้เข้าเรียนหลักสูตร เพื่อหวังนำงบประมาณของประเทศชาติให้เกิดผล นำไปสู่การปฏิบัติจริง ไม่ใช่ออกมาเป็นแค่เอกสารรูปเล่ม ตนเน้นการปฏิบัติมาตลอดทั้งชีวิต ทุกครั้งที่มีปัญหาตนเข้าหาปัญหาตลอดแม้ว่าปัญหานั้นจะอันตรายมาก อยู่กับปัญหาพวกนี้มาบ่อยมาก ยิ่งห่างยิ่งเจ็บ ฉะนั้นเสริมสร้างสันติสุขจึงมีอยู่ 2 อย่างเท่านั้น คือคนกับพื้นที่ ไปจัดการเรื่องคนกับพื้นที่ให้เข้าใจ มันก็จะสันติสุข แล้วก็ผู้นำดีมีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาทรัพยากรที่ท่านมีอยู่ก็จะเกิดสันติสุข ถ้าทำเหมือนเดิมตลอดไปโดยไม่ทันยุคทันสมัย ก็คือล้าหลัง พวกเราต้องร่วมกันฟันฝ่าให้ประเทศชาติต้องได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
“บิ๊กกุ้ง” ขอไม่พูดเรื่องความมั่นคง ให้แม่ทัพภาค 2 เป็นผู้ชี้แจง
ต่อมา พล.ท.บุญสิน ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตนเองมาในฐานะผู้บริหารหลักสูตร ของสถาบันพระปกเกล้า ส่วนงานป้องกันชายแดนความมั่นคง ขอยุติบทบาทในการแสดงความเห็น เพราะต้องการให้แม่ทัพภาคที่ 2 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้ชี้แจง
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ฝ่ายกัมพูชา เริ่มมีการนำกำลังทหารเข้าชายแดนอีกครั้ง พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ก็ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงในพื้นที่ บางครั้งเป็นเพียงแค่การข่าว ส่วนตัวขอให้กำลังใจฝ่ายความมั่นคงได้ทำหน้าที่ต่อไป วันนี้ตนมาปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า จึงไม่ขอพูดหรือให้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับงานด้านชายแดน เพราะฝ่ายความมั่นคงกำลังดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่ผู้นำสหรัฐอเมริกาสั่งชะลอการเจรจาเรื่องอัตราภาษี พล.ท.บุญสิน มองว่า เหรียญมีสองด้านเสมอ ต้องพิจารณาบนผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ส่วนตัวขอให้กำลังใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย