“สิริพงศ์” โฆษกรัฐบาล ยัน ผู้นำสหรัฐฯ-มาเลเซียเข้าใจสถานการณ์ ย้ำชัดเจรจาภาษียังเดินหน้าต่อ จี้กัมพูชาขอโทษคนไทย เผย 17 พ.ย. ถก 6 แผนแก้ปัญหาชายแดนและรับมือกับภาษีสหรัฐฯ


เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังมีกระแสข่าวผู้นำสหรัฐอเมริกาสั่งชะลอการเจรจาภาษีกับไทย ว่า สหรัฐฯ และมาเลเซีย ในฐานะผู้สังเกตการณ์และสักขีพยานในการลงนามปฏิญญานำไปสู่สันติภาพระหว่างไทยกับกัมพูชา ยังมีความไม่สบายใจ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จึงมีหนังสือถึงไทยเพื่อขอให้ระงับการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ เอาไว้ก่อนจนกว่าสถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาจะดีขึ้น

นายสิริพงศ์ ระบุต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีได้หารือกับผู้นำสหรัฐฯ แล้ว โดยฝ่ายไทยให้เหตุผลว่าผู้ที่ทำผิดไม่ใช่ไทย แต่เป็นกัมพูชาที่มีพฤติกรรมละเมิดปฏิญญา, วางทุ่นระเบิดใหม่ ถือเป็นการกระทำที่ผิดเงื่อนไขในการสร้างสันติภาพ เรื่องนี้ฝ่ายไทยยอมไม่ได้ ยืนยันว่าจะขอเดินตามแนวทางสันติวิธี แต่จะเดินหน้าต่อไปได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายกัมพูชาแสดงความจริงใจ เช่น หาคนออกมายอมรับผิด ขอโทษญาติผู้ได้รับบาดเจ็บและคนไทยอย่างจริงใจ รวมถึงมีมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้อีก รวมทั้งยังต้องให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เมื่อผู้นำสหรัฐฯ ได้ฟังเหตุผลจากนายกรัฐมนตรีแล้วก็เข้าใจ ขณะเดียวกัน ผู้นำของมาเลเซียได้พูดคุยกับผู้นำสหรัฐฯแล้ว ก็ยืนยันถึงความเข้าใจนี้ด้วยเช่นกัน โดยยืนยันว่าในส่วนของภาษีจะมีการเดินหน้าเจรจากันต่อไป แยกออกจากเรื่องการจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

โฆษกรัฐบาล เผยอีกว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกคนต้องการเดินหน้าเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและอธิปไตยของไทย รวมถึงผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นหลัก หากแต่เวลาที่เกิดสถานการณ์ขึ้น ต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งนายกรัฐมนตรีพยายามแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด แต่บางเหตุการณ์เกิดขึ้นทันทีทันใด และจนถึงตอนนี้ ก็ได้เห็นภาพของผู้นำในการเดินหน้าแก้ปัญหาของฝั่งไทย

...

ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ในลักษณะท้าทายสหรัฐฯ จะเกิดผลเสียหรือไม่ นายสิริพงศ์ ตอบว่า ความเห็นของผู้นำสหรัฐฯ และมาเลเซีย ก็ชัดเจนแล้วว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่สาระสำคัญ ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีมักจะตอบคำถาม ตามคำถามของนักข่าว วันนั้นถูกถามว่าหากมีการใช้ภาษีสหรัฐฯ มากดดันจะทำอย่างไร ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงไปว่า ต้องแยกกันระหว่างเรื่องภาษีกับเรื่องชายแดน เมื่อถามอีกว่าหากสหรัฐฯ ไม่ซื้อของจากไทย นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงไปแล้วตามเหตุผลว่าก็ต้องหาตลาดใหม่ ซึ่งตรงกับที่กระทรวงพาณิชย์ออกมายืนยันว่าการค้าขายกับสหรัฐฯ มีความจำเป็น และในขณะเดียวกันก็ต้องมีการหาทางเลือกอื่นเพิ่มเติมด้วยเพื่อขยายตลาดส่งออก

ทางด้านคำถามว่ามีกรอบระยะเวลากัมพูชาขอโทษคนไทยหรือไม่ นายสิริพงศ์ ตอบว่า “ไม่มีกำหนดครับ ทุกเรื่องดำเนินการไปจนกว่ากัมพูชาจะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของไทย รวมถึงเงื่อนไขของไทยก็ไม่ได้มีกำหนดเวลาเช่นกัน”

อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (17 พฤศจิกายน) เวลา 14.00 น. กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะนำเสนอแผนในการดำเนินการเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ราว 6 แผนงาน ซึ่งจะมีรายละเอียดที่แตกต่างจากการดำเนินการไปแล้วในหลายเรื่อง รวมถึงการดำเนินการเกี่ยวกับภาษีสหรัฐฯ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามต่อ ไทยจะมีการตอบโต้ข่าวปลอมจากกัมพูชาอย่างไร นายสิริพงศ์ ย้ำว่า ไทยมีหน้าที่ในการนำเสนอข้อเท็จจริง หากกัมพูชานำเสนอข่าวที่เป็นเท็จ ไทยก็มีหน้าที่สร้างความกระจ่างให้เกิดขึ้น ไม่รู้ว่ากัมพูชาจะปล่อยข่าวปลอมอะไรออกมาอีกและไม่รู้ว่าจะป้องกันข่าวปลอมเหล่านี้ได้อย่างไร แต่สิ่งที่ทำได้คือต้องโต้ตอบให้เร็วที่สุด โดยกระทรวงการต่างประเทศกำลังเดินหน้าทำความเข้าใจกับนานาประเทศ ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนก็รับทราบเรื่องราวเหล่านี้แล้ว แม้แต่คณะผู้สังเกตการณ์ก็ออกมายืนยันชัดเจนว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ เช่นเดียวกับสำนักข่าวมาเลเซียที่ให้ข้อมูลผิดพลาดก็ออกมาขอโทษแล้ว ถือว่าไทยทำงานได้อย่างรวดเร็ว และหวังว่าจากนี้สื่ออื่นๆ ก็จะนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน.