“ขัตติยา” ซัดรัฐบาลไร้เดียงสาทางการทูต คำพูดนายกฯ กระทบเสถียรภาพเศรษฐกิจ หลังสหรัฐฯ ระงับเจรจาภาษีการค้า ด้านโฆษกเพื่อไทย ชี้รัฐบาลบริหารพลาดจนประเทศ “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” ถามพรรคร่วมฝ่ายค้านเพียงพอต่อการซักฟอกรึยัง


วันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 นางสาวขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่าน X ถึงกรณี สหรัฐฯ ขอระงับการเจรจากรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทย - สหรัฐฯ เป็นการชั่วคราว เพื่อรอฟังคำมั่นจากฝ่ายไทยว่าจะกลับเข้าสู่ Joint Declaration ไทย–กัมพูชา ว่า ไม่น่าเชื่อว่าคณะรัฐมนตรี ที่ประกาศตัวว่า “เชี่ยวชาญระดับมืออาชีพ” จะไร้เดียงสาทางการเมืองระหว่างประเทศ จนไม่เข้าใจว่า ฝ่ายสหรัฐฯ ย่อมต้องตอบสนองต่อสัญญาณทางการเมืองจากคำพูดที่ขาดความรับผิดชอบของนายกฯ ไทยเอง การสื่อสารที่ผิดจังหวะเพียงครั้งเดียวอาจทำให้สถานการณ์นี้แย่ลงไปในทันที


ในโลกที่เศรษฐกิจเชื่อมถึงกันทุกมิติ ความมั่นคงของชาติไม่ได้มีแค่เรื่องอธิปไตย แต่รวมถึงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การส่งออก และความเชื่อมั่นจากคู่ค้าระดับโลกด้วย สหรัฐคือคู่ค้าสำคัญของเศรษฐกิจไทยมายาวนาน คำพูดหรือท่าทีที่ไม่รอบคอบของผู้นำประเทศ จึงมีผลต่อห่วงโซ่เสถียรภาพเศรษฐกิจทั้งระบบ ตั้งแต่แรงงาน ผู้ประกอบการรายเล็ก ไปจนถึงภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่


“พูดแล้วทำ” เป็นเรื่องดี แต่ถ้าทำออกมาแย่กว่าสิ่งที่พูด หรือพูดแล้วทำให้สถานการณ์แย่ลง ก็อยู่เฉย ๆ แล้วเป็นเพียงพรรคร่วมรัฐบาลยังอาจเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองมากกว่าเสียอีก และหากรัฐบาลนี้ไม่สามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติในทุกด้านได้ตามที่ตัวเองประกาศไว้จริง ก็ถึงเวลาต้องพิจารณาอย่างจริงจังว่าท่านยังสมควรเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปหรือไม่

...



ด้าน นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ โฆษกพรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ระบุว่าทุกฝ่ายต่างมีความรักชาติไม่ต่างกัน แต่ความแตกต่างด้าน “วิธีบริหาร” คือสิ่งที่กำลังสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อประเทศ และผลของการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพได้ทำให้ไทยตกอยู่ในสภาพ “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” ต้องเผชิญแรงกดดันทั้งจากกัมพูชาและสหรัฐฯ ในเวลาเดียวกัน ทั้งที่รัฐบาลสามารถจัดการสถานการณ์ได้ดีกว่านี้โดยไม่เปิดช่องให้ไทยตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ


โฆษกเพื่อไทยชี้ว่า แม้บางฝ่ายอาจไม่เห็นด้วยกับท่าทีของสหรัฐฯ แต่ข้อเท็จจริงคือมูลค่าการค้ากว่า 3 ล้านล้านบาท ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนเอกสาร หากแต่คือชีวิตของประชาชนหลายสิบล้านคนที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งในมิติด้านอธิปไตย เศรษฐกิจ รวมถึงความร่วมมือสำคัญอย่างการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งอาจชะงักลงจากความตึงเครียดทางการทูตที่เกิดขึ้น


นายศึกษิษฏ์ ยังตั้งคำถามไปยังพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า ทั้งกรณีนี้และอีกหลายเหตุการณ์ที่ถือว่าร้ายแรง “เพียงพอแล้วหรือไม่” สำหรับการไว้วางใจให้รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศต่อไป


ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ เวลา 10.00 น.