“ภัณฑิล น่วมเจิม” มองสถานการณ์แก้รัฐธรรมนูญเป็นบวก 60-70% หวังพรรคเพื่อไทยไม่แย้งอะไรเยอะ ยอมรับ สว. เป็นหนึ่งปัจจัยยากควบคุม


วันที่ 15 พ.ย. 2568 นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม.พรรคประชาชน (ปชน.) และ กมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ กรณีนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทองพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะกมธ.ฯ แสดงความมั่นใจ เรื่องการลงมติวาระ 3 จะเกิดขึ้นเดือน ธ.ค. ว่า ถามว่าเป็นสัญญาณบวกหรือไม่ ความเห็นส่วนตัวมองว่า สิ่งที่นายกรวีร์ พูด ก็เป็นสิ่งที่เราคุยกันในกมธ.เกี่ยวกับไทม์ไลน์การทำงาน เช่น 3 วันที่เหลือในสัปดาห์หน้า ในวันที่ 19-21 พ.ย. ก็น่าจะเร่งประชุมพิจารณากันถึงมาตรา 12 จาก 20 กว่ามาตรา โดยเคลียร์เรื่องรายละเอียดหลักๆ ได้แล้ว อาทิ จะมีหรือไม่มีการเลือกตั้ง หรือมีกี่ระดับ จะแยกบอดี้ออกมาเป็นคณะกมธ.ร่าง กับรับฟังความคิดเห็น โดยให้ยึดโยงกับสมาชิกรัฐสภา เป็นสูตร 20 หยิบ 1 ทั้งคู่ ที่เหลือก็น่าจะไปได้เร็ว อย่างเช่นเรื่องคุณสมบัติต่างๆ ที่หวังว่า ทางพรรคเพื่อไทย (พท.) เขาคงไม่ได้แย้งเยอะแล้ว จากนั้นก็จะเป็นการเกลาคำ หรือเวิร์ดดิงต่างๆ เพื่อให้เป็นถ้อยคำที่สมบูรณ์ตามกระบวนการนิติวิธี


เมื่อถามว่าสถานการณ์แก้รัฐธรรมนูญตอนนี้ เป็นบวกกี่% นายภัณฑิล ตอบว่า ส่วนตัวมองว่า บวก 60-70% เพราะอย่างพรรคภท. กับ สว.มีอะไรบอกตรงๆ ไม่อยากแตะหมวด 1-2 ไม่อยากให้เลือกตั้งเพราะกังวลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ไม่บิดพลิ้ว เขารักษาคำพูด แต่พรรคพท.ก็อาจจะชั่งใจว่าตัวเขาเองพร้อมขนาดไหน เสียงตัวเองดีขนาดไหน ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะเขาก็จะถูกตราหน้าเหมือนกันว่า อ๋อ ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจนทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญพัง ตนก็ไปดักคอเขาไว้ ว่าเขาไม่มีเจตนาในการแก้ไข เป็นต้น

...


เมื่อถามว่า การพิจารณาในช่วงท้ายจะมีปัจจัยพลิกผัน ทำให้เกิดความไม่ราบรื่น จนถึงขั้นทำให้เปิดรัฐสภาสมัยวิสามัญ ไม่ได้ หรือไม่ โดยพรรคปชน.ขีดเส้นตายต้องเปิดวิสามัญก่อน 12 ธ.ค.นี้ นายภัณฑิล ตอบว่า ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องการยืนหยัดในเจตจำนงที่พรรคตนเองเสนอ ตนยอมรับมีอุปสรรคบ้าง แก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องเล็ก ดีดนิ้วแล้วเดินหน้าได้ กระบวนการรัฐสภาเป็นธรรมดาต้องฟังความเห็นหลากหลาย ก็ยังดีที่เป็นข่าว ประชาชนจะได้หันกลับมามอง เรื่องสำคัญนะ เล่นอะไรกันอยู่นักการเมือง ถ้าเราบิดพลิ้ว เบี้ยว คนก็ไม่เลือกเราคราวหน้า เราในที่นี้หมายถึงภาพรวมทั้งหมดของสภาฯ หาเสียงไว้ สุดท้ายไม่ทัน เบี้ยวและโกหก


“อีกประเด็นก็เป็นเรื่องของ สว. ที่เป็นปัจจัยที่อาจจะควบคุมไม่ได้ โอเคเขาอาจจะถูกตีตราว่า เป็น สว.สีน้ำเงิน แต่ก็มี สว.อิสระด้วย บางทีเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร เขาคุมได้หรือเปล่า บางฝ่ายก็บอกว่าสีน้ำเงินเขาคุมได้ บางทีเขาก็จะพูดนอกสคริปต์ด่ากันทำให้เป็นเรื่อง นี่คือ ปัจจัยภายนอก พรรคปชน.ในฐานะผู้เสนอร่างหลักควบคุมไม่ได้ ส่วนเราจะไปบอกว่าพรรคภท.คุมเขาได้ไหม ผมไม่ทราบ โดยจริงๆในเชิงนิตินัยมันคุมไม่ได้ แต่พฤตินัยเราก็ไม่รู้เรื่องเขาไปคุยหลังไมค์หรือไม่ อันนี้ไม่ก้าวล่วง นี่ก็เป็นปัจจัยหนึ่ง”