รมว.ดีอี เบรกสตาร์ลิงก์ลงทุนในไทย 100% ยึดความปลอดภัย ชี้มูลค่าทรัพยากรดาวเทียมในประเทศ สำคัญกว่าภาษีทรัมป์ ยันไทยพร้อมลงทุน แต่ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ของไทย


วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยถึงการหารือ กับ สเปซเอ็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเครือข่ายดาวเทียมวงโคจรต่ำ สตาร์ลิงก์ (Starlink) และแนวทางความร่วมมือเพื่อสนับสนุนนโยบายด้านกิจการอวกาศของประเทศไทย โดยได้ยกเรื่องประกาศของทำเนียบขาว สหรัฐฯ มาระบุว่า หากสตาร์ลิงก์ จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย จะต้องจัดตั้งบริษัทที่ถือหุ้นโดยต่างชาติ 100% เท่านั้น ว่า กรณีเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้สหรัฐฯ ปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าไทยจากเดิม 36% เหลือเพียง 19% คือ การเปิดทางให้ สตาร์ลิงก์ เข้ามาลงทุนในไทย นายไชยชนก ชี้แจงว่า การถือหุ้น 100% เป็นนโยบายของสเปซเอ็กซ์ไม่ใช่ของสหรัฐฯ ซึ่งประเทศไทยยินดีที่จะมีการลงทุน แต่ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ของประเทศไทย แต่ถ้าทำไม่ได้แล้วจะมีการเปิดซื้อขายอุปกรณ์ร่วมกันและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับดาวเทียม หรือไม่นั้น กรณีนี้ทางสเปซเอ็กซ์ จะสอบถามและหาข้อมูลมาให้


นอกจากนี้ นายไชยชนก ยังยืนยันและพูดคุยเกี่ยวกับความมั่นคงของการใช้ดาวเทียมและพื้นที่ความมั่นคงไทย ในพื้นที่ชายแดนและกัมพูชาด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการเข้ามาคุยก็ได้มีการสั่งให้ยุติการใช้งาน 2500 ชุด ในพื้นที่ความมั่นคง


อย่างไรก็ตาม นายไชยชนก ยังได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน และอุตสาหกรรมโทรคมนาคม รวมทั้งเรื่องของความมั่นคง ซึ่งจะต้องดำเนินการทุกอย่างด้วยความรอบคอบ หากดำเนินการด้วยความไม่ระมัดระวังจะเป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ในอนาคต


...

“ส่วนตัวมองว่ากรณีที่จะให้มีการใช้งาน 100% นั้นเป็นเรื่องที่สุดโต่งเกินไป แต่ต้องมีการพูดคุยกัน ซึ่งส่วนตัวมองว่าอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจะให้ออกไปอยู่ในมือของต่างชาตินั้นมีมูลค่ามหาศาลมากกว่าที่จะพูดเรื่องของภาษี เพราะฉะนั้นส่วนตัวคิดว่าไม่กระทบ เพราะเราไม่ได้ปิดกั้นแต่เราคำนึงถึงความมั่นคงของประเทศเป็นหลัก” นายไชยชนก กล่าว


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องมีโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียม เพื่อใช้งานหรือไม่ นายไชยชนก มองว่า เราต้องมีของเราเองแต่น่าจะต้องใช้งบประมาณมหาศาลและใช้เวลา ดังนั้นจึงต้องมีการหาความร่วมมือจากต่างประเทศในมาตรการที่ปลอดภัยและจะต้องคุยกับรัฐบาลโดยรวม ซึ่งในเวลานี้ส่วนตัวมีระยะเวลาไม่มากเรื่องนี้ก็จะต้องเบรกไว้ก่อนเพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่จะให้ความสำคัญ ซึ่งได้คุยกับกสทช. ว่าเรื่องนี้จะไม่มีนโยบายเปิดให้เข้ามาลงทุน แต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องการมาตรการเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างมั่นคง สำหรับประเทศไทยก็ต้องมีข้อบังคับที่เป็นธรรมซึ่งหากพัฒนาเดินไปข้างหน้าอย่างเดียวแต่ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยก็ไม่ได้