นายกฯอนุทิน ทำหนังสือถึง “อันวาร์ - ทรัมป์” ยืนยัน “กัมพูชา” จัดฉากบ่อนทำลายความมั่นคงชายแดน เตรียมนำคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนลงพื้นที่ดูข้อเท็จจริงพรุ่งนี้


เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 13 พ.ย. 2568 นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ แถลงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เมื่อวานนี้ (12 พ.ย.) ภายหลังเหตุปะทะที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว กระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือประท้วงกัมพูชาอย่างเป็นทางการ นอกเหนือจากหนังสือประท้วงที่กัมพูชาลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดก่อนหน้านี้ และจะมีหนังสือเวียนเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงไปยังคณะทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยด้วย

ทำหนังสือแจ้ง  “อันวาร์ - ทรัมป์” 

จากเหตุลอบวางระเบิด ไทยได้มีหนังสือประท้วงกัมพูชา ไปยัง ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประธานประชุมอนุภาคีรัฐสัญญาฯแล้ว ขอให้เวียนหนังสือดังกล่าวให้รัฐภาคีอนุสัญญาทราบ พร้อมทั้งทำหนังสือรายงานไปยังองค์การสหประชาชาติแล้ว นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีของไทยยังได้มีหนังสือไปถึงนายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซียและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาถึงเรื่องนี้แล้ว โดยวันพรุ่งนี้ 14 พ.ย. ฝ่ายไทยจะจัดให้คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงใน 2 พื้นที่ คือ ห้วยตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ และบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว

ไม่มีเหตุผลที่ไทยจะละเมิดข้อตกลง

นายนิกรเดช ระบุด้วยว่า ประเทศไทยมุ่งมั่นปฏิบัติตามข้อตกลงมาโดยตลอด โดยเฉพาะ 4 เรื่องมีความคืบหน้า ไม่มีเหตุผลที่ไทยจะเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลง ในทางกลับกัน กัมพูชาพยายามสร้างสถานการณ์ ให้ข้อมูลเท็จ พยายามให้โลกเห็นว่ากัมพูชาเป็นเหยื่อ สะท้อนให้เห็นความไม่จริงใจที่จะบรรลุสู่สันติภาพ หรือมีวาระแอบแฝง เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง

...

ซัด กัมพูชา ตั้งใจจัดฉาก

เมื่อพิจารณาจากหลักฐานและคำกล่าวอ้างของกัมพูชา ฝ่ายไทยเห็นว่า ฝ่ายกัมพูชามีการจัดฉาก โดยมีการไตร่ตรองไว้ก่อน การยั่วยุให้เกิดการปะทะที่บ้านหนองหญ้าแก้ว เกิดขึ้นเพียงสองวันหลังจากทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดในเขตแดนไทย การกระทำเช่นนี้ ขาดความรับผิดชอบ และน่าผิดหวังอย่างยิ่ง แทนที่จะเดินบนเส้นทางแห่งสันติภาพ กัมพูชากลับดำเนินการเพิ่มความตึงเครียด บ่อนทำลายความมั่นคงตามแนวชายแดนและความสัมพันธ์ทวิภาคี และเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่ออาเซียนและภูมิภาคโดยรวม กัมพูชาได้กลับมาใช้สงครามข่าวสาร เรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ตัวเอง สร้างข่าวเท็จ เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน สร้างภาพความเป็นเหยื่อ

เชื่อความจริงชนะทุกอย่าง

ขอยืนยันประเทศไทยดำเนินการอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ สื่อมวลชนที่เสรี และสังคมเปิดกว้าง และเชื่ออย่างยิ่งว่า ความจริงจะชนะทุกอย่าง ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลและหน่วยงานของไทยทุกฝ่ายจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อรักษาอธิปไตยแห่งดินแดน และความปลอดภัยของชาวไทยซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดตลอด และขอเรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ยุติการยั่วยุในทุกรูปแบบ และแสดงความจริงใจแก้ปัญหาร่วมกัน เพื่อเปิดโอกาสให้สันติภาพกลับมาอีกครั้ง