กกต.ส่งหนังสือกำชับไปยังทุกพรรคการเมือง ห้ามเสนอประโยชน์ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมแลกกับการเป็นสมาชิกพรรค ฝ่าฝืนโทษถึงขั้นยุบพรรค หากแอบอ้างสมาชิก โทษถึงขั้นเพิกถอนสิทธิ 5 ปี


วันที่ 13 พ.ย. 2568 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้เผยแพร่เอกสารเน้นย้ำให้พรรคการเมืองต้องดำเนินการตามพ.ร.บ.พรรคการเมืองอย่างเคร่งครัด โดยอ้างถึงการประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ครั้งที่ 12/2568

เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ในฐานะประธานกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีหนังสือกำชับไปยังพรรคการเมืองเกี่ยวกับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้

1. การหาสมาชิกพรรคการเมือง พรรคการเมืองต้องหาสมาชิกพรรคการเมือง

ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองและข้อบังคับของพรรคการเมืองอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะห้ามมิให้พรรคการเมือง หรือผู้ใด ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม เพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดสมัครเข้าเป็นสมาชิก เว้นแต่สิทธิหรือประโยชน์ซึ่งบุคคลจะพึงได้รับในฐานะที่เป็นสมาชิก ซึ่งหากพรรคการเมืองใดกระทำการดังกล่าวจะเป็นเหตุให้พรรคการเมืองนั้นถูกยุบได้

สมาชิกไม่สมัครใจ โทษจำคุก

นอกจากนี้หากพรรคการเมืองใดแอบอ้างว่าผู้ใดสมัครเป็นสมาชิกโดยผู้นั้นไม่รู้เห็นหรือไม่สมัครใจ หรือนายทะเบียนสมาชิกจัดทำทะเบียนสมาชิกอันเป็นเท็จ จะมีความผิด

ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 5 ปี

...

จัดตั้งสาขาพรรคไม่ทันเจอโทษปรับ

2. การจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองและการแต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด

ให้พรรคการเมืองปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองและประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง โดยต้องแจ้งการจัดตั้งสาขาพรรคการเมือง และการแต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด

ดังกล่าว ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ซึ่งหากไม่ปฏิบัติ ให้เป็นไปตามกฎหมาย ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท และปรับอีกวันละ 1,000 บาทตลอดระยะเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง

ไม่สรรหาผู้สมัคร คุก6 เดือน

3. การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคการเมือง

ต้องดำเนินการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยให้มีการรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรคการเมืองอย่างกว้างขวาง และเป็นไปตามมาตรา 49 มาตรา 50 และมาตรา 51 และประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดประชุมสมาชิกพรรคการเมืองเพื่อรับฟังความคิดเห็น การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งหากหัวหน้าพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคการเมือง หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน และปรับไม่เกิน 10,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอน

ถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี

และหัวหน้าพรรคการเมืองผู้ใดออกหนังสือรับรองผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 5 ปี

นโยบายต้องมีที่มาของเงินที่ใช้

4. การกำหนดนโยบายของพรรคการเมืองที่ใช้ในการประกาศโฆษณา

พรรคการเมืองต้องดำเนินการตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง โดยนโยบายใดที่ต้องใช้จ่ายเงินในการประกาศโฆษณา

นโยบายนั้น อย่างน้อยต้องมีรายการ ดังต่อไปนี้

(1) วงเงินที่ต้องใช้ และที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ

(2) ความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย

(3) ผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบาย โดยให้พรรคการเมืองคำนึงถึงความเห็นของสาขาพรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดด้วย

ซึ่งหากไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน500,000 บาท และปรับอีกวันละ 10,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง

ไม่ดูแลสมาชิก กก.บห.พ้นตำแหน่ง

5. การควบคุมและกำกับดูแลสมาชิกพรรคการเมือง คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง และกรรมการบริหารพรรคการเมือง มีหน้าที่ในการควบคุมและกำกับดูแล

มิให้สมาชิกหรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง กระทำการในลักษณะที่อาจทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริต หรือเที่ยงธรรม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ข้อบังคับ ตลอดทั้งระเบียบ ประกาศ และคำสั่งของคณะกรรมการ หากคณะกรรมการบริหาร

พรรคการเมืองไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว จะเป็นเหตุให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ และห้ามมิให้กรรมการบริหารพรรคการเมืองซึ่งพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุดังกล่าว ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองจนกว่าจะพ้นเวลา 20 ปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งและห้ามกระทำการอันมีลักษณะเป็นการก้าวก่าย หรือแทรกแซงการดำเนินกิจกรรม