“สุรเชษฐ์” รับหนังสือสหภาพแรงงาน กทพ.  คัดค้านสัมปทานทางด่วน Double Deck พร้อมชง กมธ.ติดตามงบฯ เรียกหน่วยงานชี้แจง เผยพรรคประชาชนแถลงจุดยืน 15 พ.ย. นี้


วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 ที่รัฐสภา นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และเครือข่ายชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 (Double Deck) ช่วงงามวงศ์วาน-พระราม 9 กรณีการคัดค้านการก่อสร้างโครงการ Double Deck และความพยายามครั้งล่าสุดของรัฐบาลในการขยายสัมปทานทางด่วนออกไป ซึ่งจะสร้างความเสียหายแก่รัฐและสร้างผลกระทบมหาศาลแก่ชุมชน

ซัดเอื้อเอกชน

โดยนายสุรเชษฐ์กล่าวว่า ประเด็นหลักที่มีการคัดค้าน คือการขยายสัมปทานให้เอกชนเพื่อแลกกับการสร้างทางด่วน Double Deck มูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท โดยขยายสัญญาสัมปทานข้ามศตวรรษไปถึงปี 2601 เอื้อให้เอกชนมีรายได้เพิ่มในหลักแสนล้านบาท ซึ่งต้องตั้งคำถามว่าเป็นวิธีการที่รัฐได้ประโยชน์จริงหรือไม่ เอกชนได้กำไรมากไปหรือไม่ และที่สำคัญโครงการนี้เป็นประโยชน์จริงหรือ คุ้มค่ากับเงินที่ประชาชนต้องจ่ายไปอีกนานแบบข้ามศตวรรษหรือไม่

แฉพบไม่ชอบมาพากล

นายสุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า ตนติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 พบความผิดปกติไม่ชอบมาพากลอย่างมากในหลายประเด็น ในฐานะประธานกรรมาธิการเมื่อรับหนังสือจากทั้งสองกลุ่มในวันนี้ จะนำมาประกอบกับข้อมูลที่เคยพิจารณา และใช้เวทีกรรมาธิการให้เป็นประโยชน์ในการหาข้อมูลข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งกำหนดเรื่องนี้เป็นวาระการประชุมโดยเร็วที่สุด โดยให้ตัวแทนของผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการ รวมถึงตัวแทนจากสหภาพ เข้ามาร่วมรับฟังการชี้แจงของหน่วยงานด้วย

...


ดีลใหญ่ผูกพันรัฐไปอีกนาน

นายสุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า ในนามของพรรคประชาชน เราเห็นว่าเรื่องนี้เป็นดีลใหญ่ที่จะผูกพันกับรัฐไปอีกนาน ควรให้แต่ละพรรคการเมืองไปพิจารณาและแสดงจุดยืนให้ชัดเจน รัฐบาลชั่วคราวที่ตามข้อตกลง MOA แล้วมีอายุเพียง 4 เดือน ไม่ควรตัดสินใจเรื่องใหญ่เช่นนี้ที่จะเป็นภาระผูกพันไปถึงปี 2601 ตนเห็นว่าในทางการเมืองไม่มีความชอบธรรม โดยคาดว่าเมื่อพรรคได้พิจารณาข้อมูลรายละเอียด จะมีการแถลงข่าวแสดงจุดยืนในวันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายนนี้

“นี่คือการโฆษณาบังหน้าว่าจะลดราคาค่าทางด่วน แต่เนื้อแท้คือการหาเรื่องขยายสัมปทานให้เอกชนแบบข้ามศตวรรษ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะเมื่อเป็นการตัดสินใจของรัฐบาลระยะสั้นอายุเพียง 4 เดือน”