“อนุทิน” โต้ “สื่อกัมพูชา” เปรียบน้ำตาจระเข้ หลังหลั่งน้ำตาเยี่ยมทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ลั่นระวังถูกงับหางจุกตูด ยืนยันรัฐไม่ต้องการเดินหน้า MOU43-44
วันที่ 12 พ.ย. 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พบทุ่นระเบิดในบังเกอร์ของทหารไทยว่า ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ที่เห็นกับตาเมื่อวานนี้(11พ.ย.2568)ระหว่างลงพื้นที่พบว่า ทุ่นระเบิดทั้ง 4 ลูกอยู่ในฝั่งของไทย และไม่ใช่ทหารของไทยไปวางแน่นอนเพราะเราไม่มี อีกทั้งจากการตรวจสอบทางเทคโนโลยีชัดเจนว่าทุ่นระเบิดทั้ง 4 ทุ่นที่มาวาง ถูกวางหลังจากที่มีการลงนามในปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดกันแล้วว่าปฏิญญานี้ถือว่าไม่มีผลเพราะคนที่เป็นคู่ปฏิญญาไม่ปฏิบัติตาม
ไม่ต้องโทรแจ้งสหรัฐ-มาเลเซีย
ส่วนการที่ฝ่ายค้านเสนอให้รัฐบาลโทรหาผู้นำสหรัฐอเมริกาและมาเลเซีย เพื่อแจ้งถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่กัมพูชาจะโทรไปนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คงไม่ต้องโทรแล้ว ตนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน 5 ครั้งแล้ว กด Play เมื่อไร ก็เห็นข้อความของนายกรัฐมนตรีไทยต่อเรื่องนี้
ไม่เกี่ยวสแกมเมอร์
ส่วนที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชนเชื่อว่า ทหารกัมพูชามาลักลอบก่อเหตุเช่นนี้เพราะต้องการเบี่ยงเบนไม่ให้มีการจัดการเรื่องสแกมเมอร์นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไม่เกี่ยว เรื่องสแกมเมอร์ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีไปแล้วหลายราย ไม่ทราบว่าทำไมถึงบอกว่าไม่จับ มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน มีการถอนสัญชาติ ตนจึงต้องเชื่อในข้อมูลที่มีอยู่ เพราะเป็นการรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ไม่ใช่ข่าวลือ หรือความกังวลของใคร
...
ไม่ต้องการ MOU 43-44
ส่วนเหตุเหยียบทุ่นระเบิด ล่าสุดจะนำไปสู่การยกเลิก MOU 43 และ44 ง่ายขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า MOU 44 เป็นเรื่องของเขตแดนทะเล ซึ่งยังไม่ได้ดำเนินการอะไร ตนคิดว่าไม่จำเป็นต้องถามเพราะนโยบายรัฐบาลทั้งเรื่อง MOU 43 และ 44 รัฐบาลชุดนี้ไม่มีความต้องการที่จะดำเนินการต่อ
เตือนระวังถูกจระเข้งับ
เมื่อถามถึงกรณีที่สื่อกัมพูชาตีข่าวว่าการร้องไห้ปาดน้ำตา ของนายกรัฐมนตรีระหว่างเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด เหมือนน้ำตาจระเข้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โนคอมเม้นท์ (No comment) ก่อนจะบอกว่า “ไม่ใช่น้ำตาจระเข้ หรอกครับ คอยดูแล้วกัน จระเข้มันงับไป อย่าหางจุกตูดแล้วกัน”