“นายกฯ อนุทิน” เคารพธงชาติบนยอดภูมะเขือ ย้ำ แผ่นดินไทย ลั่นปฏิญญาเดินหน้าสู่ความสันติภาพจบลงแล้ว หลังกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิด ชี้ ไทยต้องรักษาอธิปไตย เกียรติภูมิ ทหารและประชาชน
ในช่วงเย็นวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมี พลโทวีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมคณะให้การต้อนรับ โดยนายกรัฐมนตรีรับฟังบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับภูมิประเทศและความท้าทายของการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพลในพื้นที่ชายแดนที่ต้องรับมือทั้งภารกิจด้านความมั่นคง การลาดตระเวน การช่วยเหลือประชาชน และการรับมือกับภัยคุกคามต่างๆ ตามแนวชายแดน
ต่อมาในเวลา 18.00 น. นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้ยืนตรงเคารพธงชาติ บริเวณด้านหน้าเสาธงบนยอดภูมะเขือ แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าพื้นที่ดังกล่าวคืออธิปไตยของไทย จากนั้นให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจตรวจเยี่ยม ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ ว่า “ประเทศไทยเป็นของเรา และที่ที่เรายืนอยู่คือประเทศไทย ใครจะมาแอบอ้างอธิปไตยเหนือดินแดนไทยเราไม่ได้ ในวันนี้ป่วยการที่จะพูด แต่ถือว่าสิ่งที่เราได้มีข้อตกลงกันไว้เพื่อจะเดินหน้าไปสู่ความสันติภาพนั้นมันจบลงแล้ว จากนี้ไปรัฐบาลไทยจะดำเนินการในสิ่งที่เห็นว่าเป็นประโยชน์สำหรับประเทศไทย เป็นสิ่งที่ประเทศไทยจะทำโดยไม่ต้องไปหารือปรึกษาหรือขออนุญาตใคร”
...
นายกรัฐมนตรี เผยต่อไปว่า เมื่อเช้านี้รัฐบาลได้มีการพูดคุยกับทางกองทัพ ซึ่งได้ข้อสรุปชัดเจนในหลักการปฏิบัติ ทางกระทรวงกลาโหมรับทราบอยู่แล้วว่าต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง แต่ขอไม่พูด เราไม่ได้จะไม่โต้ตอบ แต่ขอความกรุณาว่าไม่ต้องถาม เพราะหากรัฐบาลจะทำอะไรที่เป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ ไม่สามารถบอกได้ หากผู้สื่อข่าวถามมาและทางรัฐบาลไม่ตอบ จะกลายเป็นว่ารัฐบาลย่อหย่อน แต่แท้จริงแล้วยืนยันว่าไม่เคยหย่อนยาน และไม่เคยคิดที่จะยอมหรือเสียเปรียบใดๆ กับฝ่ายตรงข้าม เราเป็นผู้กำหนดบทบาทอยู่เสมอ วันนี้ก็เช่นกัน ตนในฐานะรัฐบาลและเป็นผู้ลงนามในปฏิญญาสันติภาพ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าขณะนี้ 4 ข้อ ในปฏิญญา ประเทศไทยไม่ปฏิบัติแล้ว และจะกำหนดการดำเนินการของตัวเอง โดยรัฐบาลจะให้การสนับสนุนข้อกำหนดและการดำเนินการของกองทัพอย่างเต็มที่
ผู้สื่อข่าวถามว่าทางมาเลเซียจะขอให้ประเทศไทยรื้อฟื้นเรื่องการเซ็นปฏิญญาสันติภาพ ทางไทยเราจะทบทวนหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า ขณะนี้ชัดเจนแล้วว่าผู้ร่วมสัญญาไม่ได้ปฏิบัติตามปฏิญญา ในวันนี้เดินทางมาถึงภูมะเขือเพื่อให้เห็นกับตา และไม่ว่าผู้นำประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศสักขีพยานที่ลงนามอยู่ในปฏิญญานั้น ในวันนี้หากท่านทั้ง 2 ประเทศสอบถามมา ตนเองก็สามารถตอบได้ว่าได้ลงพื้นที่และเห็นกับตาตัวเองว่า คู่สัญญาของประเทศไทย คือประเทศกัมพูชาได้ละเมิดสิ่งที่ต้องทำอย่างไรบ้าง มีความชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องทุ่นระเบิดจำนวน 4 ทุ่น ในวันนี้เหลือเพียง 3 ทุ่น เนื่องจากทหารของไทยเหยียบไป 1 ทุ่น เป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่กัมพูชามาวางในเขตของไทยหลังจากวันที่ได้ลงนามในข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งประเทศไทยทำทุกอย่างตามข้อตกลง
นายอนุทิน เผยต่อ ส่วนการพยายามดึงให้เกิดความล่าช้ามาจากกัมพูชา ประเทศไทยยังคงใช้ความอดทน และเชื่อมั่นว่าการที่มีประเทศโลกเป็นพยาน มีประชาคมอาเซียนเป็นพยาน จะช้าหรือเร็วข้อตกลงจะได้รับการปฏิบัติ แต่ในวันนี้พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ และในเมื่อไม่ใช่ก็ไม่มีข้อตกลง ไทยเราก็จะทำในสิ่งที่เห็นว่าเราต้องทำ
ทางด้านคำถามว่าจะมีการรีพอร์ตไปยังประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (นายโดนัลด์ ทรัมป์) หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า เราเป็นประเทศอธิปไตย ไม่รีพอร์ตใครทั้งนั้น ใครถามมาหากมีความจำเป็นที่จะต้องตอบ ตนก็จะตอบ แต่หากเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาถามมา ตนมองว่าตนเองไม่มีความจำเป็นต้องตอบ เพราะไม่ใช่ผู้นำประเทศ
พร้อมกันนี้ ยืนยันว่าจะดำเนินการตามแนวทางของตัวเอง ตนได้กำชับแล้วว่าในวันนี้ให้รักษาอธิปไตย รักษาเกียรติยศ เกียรติภูมิ รักษาจิตใจของพี่น้องทหารและประชาชน ตนลงพื้นที่มาวันนี้ด้วยเครื่องแบบนี้ ขอให้ภาพอธิบายตัวเองในหลายเรื่องโดยไม่ต้องพูด รัฐบาลเต็มที่ ตนกับพี่น้องทหารไม่ต้องใช้คำพูด ใช้สายตา ใช้แรงบีบกล้ามเนื้อซึ่งกันและกันก็จะเข้าใจกันดี ตนมั่นใจในแม่ทัพภาคที่ 2 กองกำลังสุรนารี ได้รับแรงบีบขนาดนี้จะต้องทำอย่างไร.