“ปลัดมหาดไทย” เรียกประชุมผวจ. 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา พรุ่งนี้  ป้องกันข่าวปลอม และเตรียมความพร้อมประชาชน หากเกิดสถานการณ์ไม่คาดคิดในพื้นที่


เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 11 พ.ย. 2568 นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ เปิดเผยถึงการดำเนินการของกระทรวงมหาดไทยตามข้อสั่งการของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการบริหารจัดการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยให้ความรู้และเตรียมความพร้อมประชาชนในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา หากเกิดสถานการณ์ไม่คาดคิด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน

เตรียมรับมือชายแดนไทย-กัมพูชา

นายอรรษิษฐ์ กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้กองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยงานประสานกลางการปฏิบัติด้านกิจการต่างประเทศ กิจการชายแดน และความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ได้เชิญผู้บริหารระดับสูงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ประชุมเตรียมการรับมือสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างความตระหนักรู้และเตรียมความพร้อมประชาชนในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ในวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย. 68) ที่กระทรวงมหาดไทย และผ่านระบบ Video Conference

สำหรับผู้เข้าประชุมของกระทรวงมหาดไทยในวันพรุ่งนี้ ได้แก่ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านกิจการความมั่นคงภายใน รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้านบริหาร อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และจังหวัดตราด

...

พร้อม 7 แผนพิทักษ์ส่วนหลัง

นอกจากนี้ ในวันนี้ กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้กรมการปกครอง สั่งการฝ่ายปกครองของ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เตรียมความพร้อมปฏิบัติตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง โดยยึดความปลอดภัยของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด รวม 7 ข้อ ได้แก่ 1. เตรียมความพร้อมปฏิบัติแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง โดยปรับแผนจากสถานการณ์ก่อนหน้านี้ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เคยเกิดขึ้น ให้มีความพร้อมปฏิบัติโดยทันที 100% 2. ให้ฝ่ายปกครองเป็นหน่วยหลักประสานการปฏิบัติกับทุกหน่วยเพื่อให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นเอกภาพ ดูแลประชาชนให้ปลอดภัยที่สุด 3. ให้ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เฝ้าระวังหาข่าว สร้างความเข้าใจประชาชนให้ได้ตระหนักรู้ ไม่ให้ตื่นตระหนกจากข่าวปลอมที่อาจเกิดขึ้น และหากต้องดำเนินการตามแผนอพยพ ต้องดำเนินการด้วยความเรียบร้อย เป็นระบบ ปลอดภัย 4. ดำรงการสื่อสารของฝ่ายปกครองทุกระบบตลอด 24 ชม. และ 5. ให้ผู้บังคับบัญชาฝ่ายปกครองทุกระดับ ทั้งปลัดจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ทุกส่วนประจำอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบตลอดเวลา

มั่นใจ ชรบ.มีบทบาท

ทั้งนี้ ในปัจจุบัน มีจำนวนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา รวม 22,880 นาย ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยหมู่บ้านและช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการดูแลความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน ซึ่งในห้วงสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ผ่านมา ถือเป็นกองกำลังราษฎรอาสาที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน อาคารบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่