“อัจฉริยะ” ปูดข้อมูลต่อ กมธ.ทส. วุฒิสภา จ่อเอาผิดค่ายโทรศัพท์-กสทช. เหตุ รุกป่าสงวนแอบตั้งเสาสัญญาณ ลั่น 13 พ.ย. จ่อพา “พยานปากเอก” พร้อมหลักฐานให้ข้อมูล กมธ.ความมั่นคงฯ สภาผู้แทนราษฎร


วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) และประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา ก่อนเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ว่า วันนี้มาให้ข้อมูลต่อ กมธ. กรณีผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. แอบติดตั้งเสาสัญญาณในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตป่าไม้ปี พ.ศ. 2484 และเขตป่าสมบูรณ์ โดยไม่ขออนุญาตจากทางราชการตามระเบียบ ในพื้นที่ชายแดนกัมพูชาและเมียนมา จากการตรวจสอบพบว่ามีเสาสัญญาณมากกว่า 1,500 จุด มีทั้งที่ได้รับอนุญาตถูกต้องและที่ไม่ได้ขออนุญาต หากเสาสัญญาณใดที่ไม่ได้ขออนุญาตจะถือว่ามีความผิดฐานบุกรุกป่า ซึ่งเป็นคดีที่มีอัตราโทษหนัก และยังอาจมีความผิดฐานฟอกเงินซึ่งเป็นคดีมูลฐานอีกด้วย ภายหลังจากการประชุมและรวบรวมข้อมูลครบถ้วน ตนจะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษและดำเนินคดีค่ายโทรศัพท์และ กสทช.

“การดำเนินคดีนี้มีความสำคัญต่อการปราบปรามสแกมเมอร์ เพราะการก่ออาชญากรรมออนไลน์ต้องอาศัยปัจจัยหลัก 3 ประการ คือ คลื่นสัญญาณอินเทอร์เน็ต, เครือข่ายโทรศัพท์ และบัญชีธนาคาร ซึ่งทั้งคลื่นสัญญาณและเครือข่ายโทรศัพท์ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของ กสทช. อีกทั้งตรวจพบซิมมือถือผีจำนวนมาก ทั้งที่ไม่ได้ลงทะเบียนในระบบ และที่ลงทะเบียนในระบบแบบมั่วๆ ซึ่งซิมผีเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในประเทศกัมพูชา เมียนมา และลาว เพื่อหลอกลวงคนไทยและคนต่างชาติ”

...

นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังกล่าวถึงกรณีการจ่ายส่วยเว็บพนันออนไลน์และการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ ว่า เวลานี้เว็บพนันออนไลน์ที่เคยถูกดำเนินการกลับมาเปิดใหม่ตามปกติ คดีเว็บพนันเกือบทั้ง 90% ถูกยกฟ้อง หรืออัยการสั่งไม่ฟ้อง โดยมีเพียงบัญชีม้า 1-3 คนเท่านั้นที่ถูกดำเนินคดี สุดท้ายก็หลุดคดีในชั้นศาล พร้อมกับได้รับทรัพย์สินทั้งหมดคืน

พร้อมเปิดเผยว่ามีตำรวจระดับ พ.ต.อ. คนหนึ่งที่อาศัยอำนาจของรัฐมนตรีในขณะนั้น อายัดบัญชีของลูกค้าและเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ แทนที่จะจับกุมเว็บพนันแต่ใช้วิธีรีดทรัพย์โดยเรียกค่าปลดอายัดบัญชี รวมถึงตำรวจยศ ร.ต.ท. ที่ใช้หลักเดียวกัน สั่งให้ธนาคารอายัดบัญชีม้าไว้เฉยๆ โดยไม่ออกหมายใดไปยังผู้ต้องหาหรือไม่มีคดีความ และทำการเรียกรับเงินบัญชีละ 100,000 บาท ซึ่งในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ ตนพร้อมด้วยพยานปากเอกจะมาให้ข้อมูลต่อ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธาน กมธ. ซึ่งยืนยันว่ามีการจ่ายเงินให้กับตำรวจกว่า 200 นาย รวมถึงการจ่ายเงินให้กับนักการเมืองรายหนึ่งด้วย.