“โรม” มั่นใจ “กัมพูชา” กำลังใช้ทุ่นระเบิดเบี่ยงเบนความสนใจ จากปัญหาสแกมเมอร์ให้กลับมาที่ความขัดแย้งตามแนวชายแดนอีกครั้ง เสนอ 4 มาตรการเด็ดขาดตัดวงจรฟอกเงิน
เมื่อเวลา 14.29 น. วันที่ 11 พ.ย. 2568 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเสียใจที่ทหารไทยต้องสูญเสียขาและได้รับบาดเจ็บ โดยระบุว่า นี่คืออีกเหตุการณ์ที่แสดงถึงความป่าเถื่อนและไม่เคารพข้อตกลงใดๆ ระหว่างประเทศของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งตนเชื่อว่าการกระทำของฝ่ายกัมพูชา เป็นความพยายามที่ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจจากเรื่องสแกมเมอร์ มาเป็นเรื่องความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยเฉพาะเมื่อหนึ่งในข้อตกลงในการเจรจาสันติภาพที่มีเรื่องของการปราบปรามการหลอกลวงออนไลน์อย่างสแกมเมอร์เอาไว้ด้วย ซึ่งส่งผลเสียหายต่อแหล่งรายได้ของกัมพูชา ตลอดจนภาพลักษณ์นานาอารยประเทศที่เข้ามาว่ากัมพูชาเป็นศูนย์กลางของปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ด้วยแรงกดดันของสังคมไทยที่มีต่อรัฐบาลไทย ประกอบกับแรงกดดันจากนานาชาติ ซึ่งในระยะหลังทำให้มีการออกหมายจับกับบรรดาบุคคลสำคัญของแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ก๊กอาน หรือลียงพัด ซึ่งมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับตระกูลฮุนเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เราต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยได้เป็นสรวงสวรรค์ของการฟอกเงินผิดกฎหมายของอาชญากรข้ามชาติในกัมพูชา รวมถึงเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจระดับห้าดาวเพื่อให้หายเหนื่อยและหายเครียดจากการสแกมคนทั่วโลก ดังนั้นถ้าเมื่อไหร่ที่ประเทศไทยมีปฏิบัติการเชิงรุกต่อแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา กัมพูชาจะไม่มีทางอยู่เฉยเรื่องนี้ เพราะรายได้จากการหลอกลวงคนทั่วโลกในกัมพูชาคิดเป็น 60% ของจีดีพีกัมพูชา
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อว่าการวางทุ่นระเบิด จึงมีความเป็นไปได้อย่างมาก เพื่อเปลี่ยนแรงกดดันจากฝ่ายไทยในเรื่องสแกมเมอร์ มาเป็นเรื่องปัญหาความขัดแย้งตามแนวชายแดนโดยกัมพูชาหวังว่าจะใช้ภาพลักษณ์ของความเป็นประเทศเล็กเป็นเหยื่อเพื่อหลอกลวงคนทั่วโลกว่าฝ่ายไทยได้รังแกกัมพูชา ทั้งนี้เราต้องไม่ลืมว่าฝ่ายกัมพูชาได้ติดตามข่าวสารจากเมืองไทยอย่างใกล้ชิดและพยายามใช้ความได้เปรียบตรงนี้เพื่อทำให้เรื่องราวของสแกมเมอร์ถูกลดความสำคัญลงไป
...
จึงมีข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหาดังต่อไปนี้
1. นายกรัฐมนตรีต้องสั่งการ และอนุมัติงบประมาณอย่างเร่งด่วนให้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันมีราคาที่ถูกลงเป็นอย่างมาก เพื่อให้สามารถที่จะมอนิเตอร์พื้นที่ปฏิบัติการหรือแนวปฏิบัติการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ด้านหนึ่งก็จะเป็นการสร้างความปลอดภัยให้กับทหารไทย อีกด้านหนึ่งก็จะได้เห็นกันไปเลยว่าทหารกัมพูชาได้มีการวางทุ่นระเบิดอย่างไรตามแนวชายแดนของประเทศไทย ซึ่งจะเป็นหลักฐานที่สำคัญในการเอาไปบอกกล่าวกับนานาอารยประเทศ
2. งานต่างประเทศต้องทำเรื่องนี้อย่างแข็งขัน เพื่อให้ประเทศต่างๆได้รับรู้ข้อเท็จจริงว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ไม่ใช่ให้เขารู้ก่อนจากกัมพูชาแล้วเราค่อยไปแก้ตัวทีหลัง ทำแบบนี้จะสร้างความรู้สึกว่าประเทศไทยแค่เพียงแก้ตัวเท่านั้น
3. เสนอให้เปิดปฏิบัติการเชิงรุกต่อเครือข่ายสแกมเมอร์มากยิ่งขึ้น โดยเน้นเป้าหมายที่บุคคลที่มีความสำคัญหรือความใกล้ชิดต่อรัฐบาลกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นฮุนโต ที่มีความสัมพันธ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เกี่ยวข้องกับ บริษัท ฮุ่ยวัน ซึ่งถูกทางการ FinCEN ของสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตรและจับตาอย่างใกล้ชิดในฐานะที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเท่าที่ผมทราบทางการไทยก็มีข้อมูลของบริษัทนี้เช่นเดียวกัน การออกหมายจับ และการยึดอายัดทรัพย์ของฮุนโตจึงเป็นสิ่งที่พึงกระทำเป็นอย่างยิ่ง
4. ตัดแขนตัดขาเครือข่ายที่กำลังทำปฏิบัติการฟอกเงินในประเทศไทย โดยเฉพาะในกรณีของเครือข่ายนายเบน สมิธ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาที่ใกล้ชิดของสมเด็จฮุนเซน ใช้พาสปอร์ตทางการทูตของกัมพูชาและเข้าไปเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับนักการเมืองไทย รัฐบาลสมควรจะเปิดปฏิบัติการใกล้ชิดในการกวาดล้างเครือข่ายเหล่านี้เพื่อทำให้การฟอกเงินผิดกฎหมายจากกัมพูชาในประเทศไทยถูกทำลายลง นอกจากนี้สำหรับเครือข่ายที่เชื่อมโยงกับนายยิม เลียก ก็สามารถดำเนินการในลักษณะเดียวกันได้ถึงเวลาประเทศไทยทำลายล้างเครือข่ายพวกนี้ให้สิ้นซากได้แล้ว
หวังรัฐบาลเข้าใจ
“ผมหวังว่ารัฐบาลจะมองปัญหาครั้งนี้อย่างเข้าใจ และตีโจทย์เรื่องนี้ได้แตกฉาน และแก้ปัญหาอย่างตรงประเด็น เชื่อว่าแนวทางนี้จะทะลุใจกลางปัญหาที่มีระหว่างไทยและกัมพูชา” นายรังสิมันต์ กล่าว