“นฤมล” รมว.ศึกษาธิการ ลงพื้นที่ จ.ตรัง แจกไอศกรีม เติมรอยยิ้มเด็กพิเศษ สั่ง กพฐ. เร่งแก้ปัญหางบขาด ค่าน้ำไฟ - ครูไม่พอ ผลักดันการศึกษาพิเศษเข้าถึงทุกพื้นที่
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย น.ส.อนงค์นาถ จ่าแก้ว เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่จังหวัดตรัง เพื่อติดตามการดำเนินงานด้านการศึกษา เยี่ยมและให้กำลังใจครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยมี นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการจากส่วนกลาง และในพื้นที่ จ.ตรัง ร่วมคณะ โดยช่วงเช้าได้เดินทางไปยังศูนย์การศึกษาพิเศษ เขต 4 จังหวัดตรัง และแจกไอศกรีมให้กับนักเรียน ซึ่งสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับนักเรียน
นางนฤมล เปิดเผยว่า ขอชื่นชมและขอบคุณทุกหน่วยงานเครือข่ายทั้งในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เอง และภาคส่วนต่างๆ ที่ร่วมประสานงานการศึกษาพิเศษไปสู่เป้าหมายเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กด้อยโอกาส เด็กพิการ ที่จะต้องให้ความสำคัญและดูแลพิเศษ และมาในวันนี้ต้องตามมารับฟังอุปสรรค ข้อขัดข้องต่างๆ ทั้งในเรื่องของงบประมาณค่าสาธารณูปโภค ค่าซ่อมบำรุงดูแล ค่าน้ำค่าไฟ และการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน, จำนวนงบประมาณที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เป็นอุปสรรคต่อความรับผิดชอบในการดูแลผู้เรียน และในอีก 6 หน่วยบริการ, โครงการเรียนฟรี 15 ปี ที่ไม่ครอบคลุมผู้เรียนกว่า 60% ที่รับบริการที่บ้าน ในเรื่องของค่าเครื่องแบบ หนังสือ สื่อการเรียนที่มีคุณภาพ, อัตรากำลังครูพิเศษที่ยังไม่เพียงพอ, ขาดอัตรากำลังครูประจำหอนอน สำหรับดูแลผู้เรียนและผู้ปกครองมารับบริการแบบไปกลับ ซึ่งอยู่ห่างไกลจากโรงเรียนหรือบนเกาะ, ภาระงานครูมาก, สวัสดิการและงบประมาณซ่อมปรับปรุงแฟลตครู และระบบสาธารณูปโภค, วิทยฐานะครูการศึกษาพิเศษ ที่สอดคล้องกับภาระงาน และคณะกรรมการที่จะมาประเมิน ยังไม่สอดคล้องกับงานการศึกษาพิเศษ
...
“อาจารย์ได้มอบหมายให้เลขาธิการ กพฐ. ดูแลเรื่องงบประมาณ โดยเฉพาะในส่วนของค่าสาธารณูปโภค ซึ่งยังเป็นเรื่องที่จะต้องแก้ไขในสถานศึกษาทั่วประเทศ เพื่อไปประสานกับการไฟฟ้าให้จัดเก็บในอัตราพิเศษ รวมทั้งเรื่องของ รถตู้ สำหรับการเดินทางของครูเมื่อต้องลงพื้นที่ไปบริการนักเรียนในศูนย์ประจำอำเภอ ซึ่งเบื้องต้น สพฐ.จะต้องไปสำรวจความต้องการของโรงเรียนก่อน”
จากนั้น รมว.ศธ. เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านคอนสวรรค์ เยี่ยมชมการจัดการเรียนการสอนฐานการเรียนรู้ส่งเสริมและการอ่าน ฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์พลังสิบ ห้องคอมพิวเตอร์ USO net กสทช.เน็ตประชารัฐ ตลอดจนแหล่งเรียนรู้ผ้าทอ นาหมื่นศรี ซึ่งนำภูมิปัญญาการทอผ้าอันล้ำค่าของชุมชนนาหมื่นศรี เข้าสู่กระบวนการเรียนการสอนในทุกระดับชั้น โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในทุกกระบวนการ ด้วยนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ 4 ขั้น “MAGS Style” (M-Motivate จุดประกายสร้างแรงจูงใจ, A-Act พาทำ, G-Give Feedback ให้ผลสะท้อนกลับ, S-Share แบ่งปัน) เกิดเป็นวิชาชีพการทอผ้าขึ้นในโรงเรียน ด้วยกระบวนการพี่สอนน้อง ครูสอนนักเรียน ภูมิปัญญาสอนครูและนักเรียน ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ ถือเป็นความภาคภูมิใจของนักเรียน และช่วยสืบทอด สานต่อ และพัฒนามรดกผ้าทอนาหมื่นศรีให้อยู่คู่ชุมชนต่อไป
จากนั้นช่วงบ่ายไปยังมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง และโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ตรัง เพื่อพบปะและรับฟังปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานและข้อคิดเห็นจากครูและนักเรียน พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการผลงานนักเรียน ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix it Center) และการฝึกอาชีพระยะสั้น เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพและการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ทั้งนี้ นางนฤมล กล่าวช่วงหนึ่งว่า จากการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้บริหารสถานศึกษา ส่วนใหญ่มีความสอดคล้องกับสิ่งที่กระทรวงศึกษาธิการขับเคลื่อนก้าวหน้าไปมากแล้ว ทั้งในเรื่องเพิ่มช่องทางการยื่นขอวิทยฐานะได้ 3 ช่องทาง ซึ่งทางสำนักงาน ก.ค.ศ.กำลังเร่งดำเนินการเพื่อให้ทันการยื่นในช่วงสิ้นปี 2568 ที่จะเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับครู พร้อมได้ปรับสัดส่วนของกรรมการ โดยให้แต่ละหน่วยงานเสนอรายชื่อกรรมการตามวิชาเอกและสายงาน, การปรับปรุงระบบย้ายครู (TRS) ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ขยายสถานศึกษาในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือในจังหวัด การกำหนดวิชาเอก ใน 1 ตำแหน่งสามารถลงได้ 3 วิชาเอก รวมทั้งเรื่องของหนี้สินครู ที่อาจารย์ได้หารือกับท่านนายกรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการจัดตั้งสหกรณ์กลางช่วยเหลือเพื่อนครู ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอ ครม. เช่นเดียวกับการจัดสรรงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนการศึกษารายหัวผู้เรียน ที่อยู่ระหว่างการหารือของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับเปลี่ยนวิธีการจัดสรรงบประมาณใหม่ เพื่อลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ทำให้โรงเรียนมีงบประมาณที่จะสามารถพัฒนาผู้เรียนและสถานศึกษาได้อย่างเต็มที่มากขึ้น