ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด “คณิต ชินวงศ์” ร่ำรวยผิดปกติ แสดงที่มาเงิน 14 ล้านไม่ได้ ส่งสำนวนถึง อสส. ยื่นคำร้องต่อศาล สั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน แจ้งผู้บังคับบัญชาลงโทษไล่ออกใน 60 วัน


วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายคณิต ชินวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาราชบุรีฝั่งขวา สำนักงานชลประทานที่ 13 ร่ำรวยผิดปกติ รวมเป็นเงินจำนวน 14,050,000 บาท

ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ในระหว่างปี พ.ศ. 2562-2567 นายคณิต ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาราชบุรีฝั่งขวา สำนักงานชลประทานที่ 13 มีรายได้จากการรับราชการตามแบบแสดงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ระหว่างปี 2560-2565 ประมาณ 329,728-806,614 บาทต่อปี โดยไม่ได้ประกอบอาชีพอื่น แต่ในปี พ.ศ. 2566 นายคณิต มีสลากออมทรัพย์ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งไม่สามารถพิสูจน์หรือแสดงที่มาของรายได้ที่นำมาซื้อสลากออมทรัพย์เป็นเงินจำนวน 14,050,000 บาท ได้

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติ ว่า นายคณิต ชินวงศ์ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมายสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวมเป็นเงินจำนวน 14,050,000 บาท

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน และให้แจ้งคำวินิจฉัยพร้อมด้วยข้อเท็จจริงโดยสรุปไปยัง  โดยให้ถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 122 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม ต่อไป

...

หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้ว ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในระยะเวลา 10 ปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 125 ด้วย