“นายกฯ อนุทิน” คัมแบ็ก “อัสสัมชัญบางรัก” เล่าย้อนสมัยเด็กเกือบได้เป็นโจร ถ้าไม่ถูกเคี่ยวเข็ญ ขณะน้องๆ รุมจับมือกรี๊ดต้อนรับ ถามวิธีได้เป็นนายกฯ
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาเยี่ยมโรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก กรุงเทพฯ โดยมี ภราดา ดร.เดชาชัย ศรีพิจารณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนอัสสัมชัญ พลเรือเอกประพฤติพร อักษรมัต นายกสมาคมอัสสัมชัญ รองศาสตราจารย์ ดร.วิชิต คนึงสุขเกษม นายกสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนอัสสัมชัญ พร้อมผู้บริหาร คณาจารย์นักเรียน และผู้ปกครอง ให้การต้อนรับ
...
นายกรัฐมนตรีได้ถ่ายรูปกับผู้บริหารแสดงความเคารพและวางดอกไม้ ที่หน้าอนุสาวรีย์บาทหลวงเอมิล อออกัสต์ กอลมเบต์ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนอัสสัมชัญ และเจษฎาจารย์ ฟ.ฮีแลร์ ผู้แต่งหนังสือดรุณศึกษา ก่อนเดินเข้าโรงเรียนผ่านซุ้มธงโรงเรียน จากนั้นเดินทักทายนักเรียน ในฐานะรุ่นพี่ โดยนักเรียนหลายคนตื่นเต้น และขอเข้ามาจับมือนายอนุทิน
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้นำพวงมาลัยมาไหว้ อดีตผู้อำนวยการและคุณครูที่เคยสอนในอดีตหลายท่าน ก่อนจะประกอบพิธีแสดงความอาลัย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงชีวิตในรั้วโรงเรียนอัสสัมชัญ และให้โอวาทแก่นักเรียนปัจจุบันว่า ตื่นเต้น ถึงแม้ว่าจะเคยเจอคนเป็นหมื่นมาแล้ว แต่ไม่ตื่นเต้นเท่าที่นี่ เพราะยังกลัวคุณครู มาสเซอร์ และมิสหลายคน ก่อนจะเล่าวีรกรรมตอนเรียน สมัยที่ตนเรียนอยู่ในชั้น ของมาสเซอร์ไพโรจน์ รัศมีมารีย์ ตนได้คณิตศาสตร์ 0 คะแนน แต่นั่นทำให้เรามีความต้องการเอาชนะ ซึ่งสุดท้ายอีก 3-4 ปี ตนก็แก้ได้ และได้เรียนวิศวะจนจบ ส่วน มิสสุดาอร สัจธรรม เป็นครูประจำชั้นตั้งแต่ ป.1 ที่เพิ่งเข้ามาเรียน ซึ่งเปรียบเสมือนแม่และคอยดูแลเด็ก
นายกรัฐมนตรียอมรับว่าเข้าเรียนช่วงแรกร้องไห้อยากกลับบ้าน และยังได้แรงบันดาลใจจากโรงเรียนนี้ ในการเรียนภาษาอังกฤษ ต้องใส่หูฟัง ซึ่งตอนนั้นไม่ได้สนใจภาษาอังกฤษเท่าไร แต่ได้ลองกดปุ่มต่างๆ บนโต๊ะ ทำให้เกิดจินตนาการ สมมติว่าตนเองเป็นนักบิน จนมาวันนี้ได้เป็นนักบินและขับเครื่องบินจริงๆ และทำประโยชน์ให้กับประเทศส่งมอบอวัยวะสำคัญให้กับประชาชน
ส่วนมาสเซอร์ พนาเวศ หลายรัตน์ ผูกพันที่สุด เปรียบเสมือนเป็นผู้มีพระคุณสูงสุดในโรงเรียน พอได้ 49 คะแนน มาสเซอร์ปัดให้เป็น 51 คะแนน ด้วยความเมตตาและเรียกแม่ของตนมาให้เคี่ยวเข็ญตนเองให้มากกว่านี้ เพราะถ้าปล่อยไปแบบนี้เป็นโจรแน่นอน ทั้งนี้โรงเรียนอัสสัมชัญ บ่มเพาะให้พวกเราเป็นผู้เป็นคนเติบโตมั่นคง เป็นคนที่ดี ที่สำคัญนักเรียนอัสสัมชัญ ทำให้ละอายและเกรงกลัวต่อการทำชั่วทำผิดทำไม่ดี
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า สิ่งที่ทำให้พวกเราทุกคนเป็นผู้เป็นคน ได้ดิบได้ดี เติบโตด้วยความมั่นคง ที่สำคัญที่สุด คือความเป็นนักเรียนอัสสัมชัญ ทำให้เราเกรงกลัวละอายต่อการทำชั่ว ทำผิด ทำไม่ดี เพราะการปลูกฝังของอัสสัมชัญ ตั้งแต่เข้า ป.1 มาสายไม่ได้ ถ้ามาสาย ลูกท่านจะถูกตี ขอให้น้องๆ จำไว้ว่าอีก 10 ปี เราจะมานั่งนึกว่าเราโชคดีมากเลย ที่เราได้มาร้องเพลงชาติ ร้องเพลงอัสสัมชัญ ตอนเย็นวันศุกร์ได้ร้องเพลงสดุดีมหาราชา ปลูกฝังแบบนี้มาเป็นเวลา 10 ปี เราต้องภาคภูมิใจในสถาบันของเรา ทั้งสถาบันการศึกษา สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นักเรียนอัสสัมชัญลายมือสวย อ่านได้ทุกคน ทุกวันนี้ตนดีใจมาก ตนอยู่ในกระทรวงหรือในทำเนียบรัฐบาล ลูกน้องมักจะเดินมาบอกว่าลายมือท่านอ่านง่ายสวยจัง ตนบอก “มาจากอัสสัมชัญครับ” และตนไม่ใช้ปากกาลูกลื่น แต่จะใช้ปากกาหมึกซึมจนติดเป็นนิสัยถึงทุกวันนี้
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวต่อว่า เราจะรู้ก็ต่อเมื่อหลุดจากรั้วไปแล้ว เล่นดนตรีได้มีวินัย เวลาที่ตนต้องไปยืนรับเสด็จตามหน้าที่ ตนสามารถยืนหลังตรงได้ เพราะอัสสัมชัญสอนมา และวิชาความรู้จะนำพาให้เราไปสู่อนาคตที่ดี และเมื่อจบไปแล้วเจอกันอัสสัมชัญ รุ่นพี่รุ่นน้อง เปรียบเหมือนเกตเวย์ถูกเปิดออก จากยากเป็นง่าย หนักเป็นเบา ความใกล้ชิดเกิดแล้ว เราพยายามสนับสนุนซึ่งกันและกัน ไม่มีหรอก เป็นกลาง เข้าข้างอัสสัมชัญเสมอ ฝากให้น้องๆได้ซึมซับ ว่าแล้ววันหนึ่งเราจะกลับมายินดีปรีดาที่เราได้เรียนที่สถาบันแห่งนี้ ทุกวันนี้กลางคืนนานๆที ยังฝันว่าถูกมาสเตอร์ตี ตื่นขึ้นมาเหงื่อแตกท่วมตัวด้วยความกลัว เพราะมันปลูกฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก และเวลาทำงานก็จะนึกถึงว่า ทำไม่ดีไม่ได้ ถ้าทำแบบนี้จะถูกตี รวมถึงทำให้เรามีระเบียบวินัยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้เป็นคนที่สมบูรณ์ในหน้าที่การงานทั้งหมดได้จากอัสสัมชัญ ฝากน้องๆทั้งหลาย ต้องเพิ่มวินัยให้กับตนเอง และใฝ่รู้ให้มากที่สุด ซึ่งจะทำให้เราอยู่ในอนาคตที่มีการแข่งขันมากมายได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราสามารถหาสิ่งที่เราไม่รู้ได้ทุกวันนี้ไม่ต้องลอกการบ้านเพื่อนแล้ว เปิด Google อย่างเดียว หรือ แชต GPT เขียนออกมายิ่งกว่าครูเขียนอีก แต่เราต้องเรียนรู้ และเข้าใจให้มากขึ้นเพราะไม่มีคนมาเคี่ยวเข็นเราอีกแล้ว อย่าลืมหาโอกาสคิดถึงบ้านเมือง คิดถึงประเทศ คิดถึงอนาคตของพวกเรา คิดถึงคุณพ่อคุณแม่หรือลุงๆ ที่จะต้องพึ่งพาให้น้องๆ ได้ดูแล ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ให้อยู่ได้ด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่ดี เมืองไทยหรือประเทศไหนก็ตาม ก็จะเปลี่ยนผ่านไปทีละยุค ก็ต้องฝากประเทศนี้ไว้กับมือของลูกๆ หลานๆ อัสสัมชัญรุ่นปัจจุบันนี้ทุกคน ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ อาจารย์ และแผ่นดิน และทำให้ประเทศมีความเจริญตลอดไป
จากนั้นมีนักเรียนรุ่นปัจจุบัน ได้สอบถามนายกรัฐมนตรีว่า หากอยากเป็นนายกฯ ต้องทำอย่างไร นายกรัฐมนตรี จึงตอบว่า อยากเป็นนายกฯ ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ เคารพพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ รักษาวินัย และใฝ่รู้ เราอยากเป็นอะไรต้องตั้งเข็มไปทางนั้น ทุ่มเทให้เต็มที่ ก็จะประสบผลที่เราคาดหวังไว้ได้อย่างไม่ยาก พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้รับมอบรูปภาพ และ ผ้าพันคอ รุ่น AC 98 จากศิษย์เก่ารุ่น AC 98
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชม หอเกียรติยศแห่งโรงเรียนอัสสัมชัญ และศูนย์การเรียนรู้วิจัยและพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยีการบินและอวกาศและเทคโนโลยีขั้นสูง บริเวณ ชั้น 3 อาคารนักบุญหลุยส์-มารีย์ และพบปะนักเรียนปัจจุบันระดับชั้น ม.ปลาย ที่ หอประชุมหลุยส์-มารีย์ แกรนด์ฮออล์ โดยร่วมเล่นดนตรี กับวงดุริยางค์โรงเรียนอัสสัมชัญ (AC BAND) ในเพลง "สดุดีอัสสัมชัญ" และ เพลง "Stars and Stripes Forever" จากนั้นได้ร่วมให้กำลังใจนักฟุตบอลโรงเรียนอัสสัมชัญ ที่จะเข้าแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคีครั้งที่ 31 ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ เป็นเจ้าภาพ ในวันที่ 15, 17, 19 และ 22 พฤศจิกายน 2568 ณ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอัสสัมชัญ เลขประจำตัว 25684 รุ่น 98 เข้าเรียนในปี 2515 ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - มัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นนักดนตรีในวงดุริยางค์โรงเรียนอัสสัมชัญ (AC BAND) ท่านได้รับเลือกเป็น "อัสสัมชนิกดีเด่น" ในโอกาสโรงเรียนอัสสัมชัญ ครบรอบ 135 ปี เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 สำหรับร.ร.อัสสัมชัญ มีศิษย์เก่าที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้ 4 คน ได้แก่ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา , หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช , พันตรีควง อภัยวงศ์ , ศ.สัญญา ธรรมศักดิ์ (ปี 2518) ล่าสุด คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งเป็นศิษย์เก่าร.ร.อัสสัมชัญ ที่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในรอบ 50 ปี