“นายกฯ อนุทิน” ลั่นเจ้าหน้าที่มีเอี่ยวสแกมเมอร์ไม่ต้องมาเคลียร์ ยันถ้ามีชื่อใครโผล่เกี่ยวข้องจัดการขั้นเด็ดขาด ไม่มีข้อยกเว้น


วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในการแถลงผลการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้โครงการ "United Thailand Against Scammers" โดยประกาศให้การปราบปรามสแกมเมอร์เป็น "วาระแห่งชาติ" พร้อมส่งสัญญาณถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่อาจเกี่ยวข้องว่า “เคลียร์ไม่ได้ ไม่มีการเคลียร์”

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า รัฐบาลได้เปลี่ยนยุทธศาสตร์จากการตั้งรับเป็นการรุกไล่ โดยมีการลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกับ 15 หน่วยงานหลัก เพื่ออุดช่องโหว่และตัดเส้นทางการเงินของผู้กระทำผิด พร้อมเปิดเผยว่าผลงานที่ผ่านมาสามารถติดตามเงินคืนให้กับผู้เสียหายรวมแล้ว 312 ล้านบาท และมอบเช็คเงินสดแก่ผู้เสียหาย 33 ราย รวม 15 ล้านบาท (โครงการ Money Cash Back)

เมื่อถามถึงข้อสงสัยว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐหรือนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องในเครือข่ายสแกมเมอร์ นายกรัฐมนตรียืนยันอย่างหนักแน่นว่า เรื่องนี้เคลียร์ไม่ได้ ไม่มีการเคลียร์ เรื่องนี้ทำงานโดยดูจากพฤติกรรมไม่ดูชื่อ ถ้าชื่อคนไหนโผล่ออกมาคนนั้นต้องถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดไม่มีข้อยกเว้นทั้งสิ้น และขอให้คำมั่นว่าจะคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสอย่างเต็มที่

นายอนุทินกล่าวว่า “ประเทศไทยไม่มีสแกมเมอร์” อย่างเป็นรูปธรรมในพื้นที่ เนื่องจากผู้รักษากฎหมายไม่ยินยอม แต่ยอมรับว่าฐานปฏิบัติการอยู่ “รอบประเทศของเราทั้งนั้น” จึงต้องใช้การแสวงหาความร่วมมือและการกดดันระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนร่วมมือกันต้านภัยสแกมเมอร์ โดยยึดหลักง่าย ๆ 3 ข้อ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน และขอให้มั่นใจในศักยภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า “ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ ในสิ่งที่ถูก ที่ชอบ ที่ควร และถูกต้องด้วยกฎหมาย”

...

ด้านพล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รายงานสถานการณ์ว่า อาชญากรรมทางไซเบอร์สร้างความเสียหายทั่วโลกมูลค่าสูงถึง 1.03 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับประเทศไทยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีสถิติสะสมความเสียหายมากกว่า 100,000 ล้านบาท โดยมีเหตุใหม่เกิดขึ้นกว่า 3,000 เรื่องต่อวัน