“อนุทิน” เตรียมบินด่วนไปแม่สอด 10 พ.ย. ติดตามการส่งกลับชาวอินเดียลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ส่งเสริมความร่วมมือต่างประเทศปราบสแกมเมอร์ ดูแลความมั่นคงชายแดน ลดอาชญากรรมข้ามชาติ


เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (10 พฤศจิกายน 2568) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดการลงพื้นที่ไปยังท่าอากาศยานแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อติดตามการปฏิบัติหน้าที่ส่งกลับบุคคลต่างชาติที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในมาตรการเร่งด่วนของรัฐบาลในการจัดการปัญหาความมั่นคงแนวชายแดน ป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ ปราบสแกมเมอร์ คุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน

สำหรับภารกิจครั้งนี้ เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้มีการติดตามและบริหารจัดการด้านความมั่นคงสถานการณ์ในพื้นที่ตามแนวชายแดนจังหวัดตาก โดยเฉพาะการปราบปรามสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ซึ่งไทยได้ทำงานร่วมกับมิตรประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนไทย และพร้อมให้ความช่วยเหลือทุกชาติตามหลักสิทธิมนุษยชน

สำหรับกำหนดการของนายกรัฐมนตรีในพื้นที่ ในเวลา 12.15 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางถึงท่าอากาศยานแม่สอด และพบหารือกับเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย เพื่อย้ำความร่วมมือด้านการบริหารจัดการบุคคลต่างชาติและความร่วมมือด้านความมั่นคงชายแดนในกรอบทวิภาคี

ต่อมาเวลา 12.45-13.30 น. นายกรัฐมนตรีจะตรวจติดตามการปฏิบัติหน้าที่และรับฟังบรรยายสรุปจากทุกหน่วยเกี่ยวข้อง อาทิ ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา, กองทัพภาคที่ 3 ในมิติความมั่นคงและอาชญากรรมข้ามชาติ, ตำรวจภูธรภาค 6 ในมิติการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดน, สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ในการตรวจสอบข้อมูลและการดำเนินการส่งกลับ

...

จากนั้น นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายและสังเกตการณ์การส่งกลับบุคคลต่างชาติ สัญชาติอินเดีย จำนวน 195 ราย ขึ้นเครื่องบินโดยสารของ Indian Air Force โดยนายกรัฐมนตรีจะออกเดินทางกลับในเวลาประมาณ 13.30 น. และคาดว่าจะมาถึงยังกองบินตำรวจ ดอนเมือง กรุงเทพฯ ในเวลา 14.15 น.

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำในช่วงท้าย ภารกิจครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับบริหารงานชายแดนอย่างเป็นระบบ มีมาตรฐาน เพื่อป้องกันการนำพาบุคคลเข้าเมืองผิดกฎหมาย อาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ และการนำไปใช้เป็นแรงงานผิดกฎหมาย พร้อมยกระดับความร่วมมือกับประเทศคู่มิตร โดยเฉพาะอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศต้นทางสำคัญและเน้นการปกป้องประชาชน รวมถึงทำงานบนหลักสิทธิมนุษยชน.