“ไทยสร้างไทย” ประกาศ สร้างการเมืองสุจริต เสนอ 6 แนวทางทุบทุนเถื่อน “สุดารัตน์” ย้ำคนเลวต้องไม่มีที่ยืนในสังคม อยู่ได้ที่เดียวคือ “คุก”


วันที่ 8 พ.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (7 พ.ย. 2568) พรรคไทยสร้างไทยจัดเวทีสัมมนา “ทุบทุนเถื่อน” ณ โรงแรมเจซี เควิน สาทร กรุงเทพฯ โดยมีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ประกาศเจตจำนงทางการเมืองอย่างชัดเจนว่า พรรคไทยสร้างไทยมีความมุ่งมั่นแน่วแน่ในการ “สร้างการเมืองสุจริต” เพื่อพาประเทศออกจากหลุมดำ นำการพัฒนาสู่ประเทศ พาประชาชนหลุดพ้นความยากจน

ย้ำจุดยืน ทสท.

คุณหญิงสุดารัตน์ ประกาศจุดยืนว่า พรรคไทยสร้างไทย “ไม่โกง และจะไม่ปล่อยให้ใครมาโกงชาติบ้านเมือง” พร้อมย้ำว่า “คนเลวต้องไม่มีที่ยืนในสังคมไทย ที่ยืนที่เดียวของคนโกงคือในคุก” เพื่อยืนยันความตั้งใจของพรรคที่จะผลักดันให้ประเทศไทยมีระบบการเมืองที่โปร่งใส และยุติธรรมอย่างแท้จริง พร้อมระบุการโกงคือมะเร็งร้ายที่กัดกินประเทศไทยมานาน จนทำให้ประเทศกลายเป็น “คนไข้ที่กำลังป่วยหนัก ถึงขั้นโคม่า” โดยดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ของไทยตกต่ำลงต่อเนื่อง ได้คะแนนเพียง 34 คะแนน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ทุกครั้งที่การโกงเพิ่มขึ้น ความยากจนของประชาชนก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และทำให้ประเทศสูญเสียโอกาสการพัฒนา จนต้องติดหล่มเป็นประเทศกำลังพัฒนามาหลายสิบปี

ระบบทุจริตทำลายศก.ไทย

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวด้วยว่า นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่สังคมไทยและรัฐบาลทั่วโลกเริ่มเอาจริงกับการปราบ “ขบวนการสแกมเมอร์” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างใหญ่ของระบบทุจริต และกำลังทำลายเศรษฐกิจไทยอย่างน่ากังวล เพราะจากข้อมูลเศรษฐกิจเถื่อนที่หมุนเวียนอยู่ในระบบ มีมูลค่าสูงถึง 8.7 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 49% ของ GDP ประเทศไทย สูงติดอันดับ 4 ของเอเชีย ตัวเลขความคลาดเคลื่อนสุทธิ หรือเงินที่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ ในปี 2566 อยู่ที่ 180,000 ล้านบาท และในปี 2567 พุ่งทะยานขึ้นเป็นกว่า 530,000 ล้านบาท สะท้อนการขยายตัวของทุนสีดำอย่างต่อเนื่อง

...

นอกจากนี้ ยังพบความผิดปกติจากการส่งออกทองคำไปกัมพูชามีมูลค่าสูงถึงเดือนละกว่า 10,000 ล้านบาท รวมสิบปี มากกว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นช่องทางสำคัญของการฟอกเงินข้ามพรมแดน

แฉปล้นชาติอย่างเป็นระบบ

คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า ปรากฏการณ์เหล่านี้คือการปล้นชาติอย่างเป็นระบบ คนไทยถูกโกง ถูกปล้นทรัพยากรไปแล้วหลายแสนล้านบาท ขณะเดียวกันยังทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าผิดปกติ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคส่งออก และซ้ำเติมเศรษฐกิจของประชาชน พรรคไทยสร้างไทยและตนเองจะเดินหน้าอย่างจริงจังในการทำให้ “คนเลวไม่มีที่ยืนในแผ่นดินไทย” พร้อมเรียกร้องให้ประเทศไทย “ทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์” โดยมีผู้นำที่เอาจริงในการปราบโกงเช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนและเวียดนาม ที่สามารถจัดการนักการเมืองและข้าราชการทุจริตได้อย่างเด็ดขาด

เสนอมาตรการ“ทุบทุนเถื่อน”

พร้อมนำเสนอนโยบาย “ทุบทุนเถื่อน” ด้วยนโยบายการปฏิรูปประเทศเพื่อสร้างธรรมาภิบาลและต่อต้านการทุจริต

1. เพิ่มโทษประหารชีวิตแก่ผู้กระทำการทุจริตระดับร้ายแรง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง หรือผู้มีอำนาจที่ใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อแสวงหาประโยชน์

2. จัดทำและแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อสร้าง “อำนาจตรวจสอบภาคประชาชน” ให้ประชาชน 50,000 คน เสนอถอดถอนองค์กรอิสระ และศาลรธน. ได้

3. จัดตั้งองค์กรตรวจสอบการทุจริตภาคประชาชน ทำงานคู่ขนานกับ ป.ป.ช. และ สตง. มีสมาชิกประมาณ 70 คน จากตัวแทนองค์กรวิชาชีพและประชาชนทุกภูมิภาครวมทั้ง กทม. ทำหน้าที่เสมือน สภาประชาชน ตรวจสอบและเสนอเรื่องต่อ ป.ป.ช. สมาชิกเลือกกันเองเป็น คณะกรรมการบริหาร 11 คน เพื่อดำเนินงานและประสานการตรวจสอบ หาก ป.ป.ช. และอัยการเห็นว่าต้องมีหลักฐานเพิ่มเติมให้ส่งกลับมาตรวจสอบใหม่ และหากทั้งสองหน่วยงานไม่สั่งฟ้อง องค์กรภาคประชาชนฯ มีสิทธิฟ้องคดีเองได้.

4. พักการใช้หรือระงับกฎหมายและระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากินของประชาชนชั่วคราว 3–5 ปี พร้อมทั้งปรับปรุง ยกเลิก หรือแก้ไขกฎหมายที่ริดรอนเสรีภาพ และขัดขวางการประกอบอาชีพสุจริตของประชาชน

5. ลดขนาดของระบบราชการอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านจำนวนหน่วยงานและจำนวนเจ้าหน้าที่ โดยดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ คล่องตัว และลดภาระงบประมาณของประเทศ

6. สร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน (โดยเฉพาะ SME) และภาคประชาชน ในการให้บริการสาธารณะและต่อต้านการทุจริตทุกระดับ ทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่น เพื่อสร้างระบบธรรมาภิบาลที่ยั่งยืน