“มนพร” ลุยปราศรัยนครพนม ทวงคืนแชมป์จากภูมิใจไทย ชี้เพื่อไทยถูกกระทำนิติสงครามหลายครั้ง แต่ไม่หวั่นไหว มองการเมือง 2 มาตรฐาน เทียบยุคนายกฯ อิ๊งค์-อนุทิน มีปัญหาในลักษณะเดียวกัน แต่โดนแค่เพื่อไทย มั่นใจรัฐบาลถึงทางตัน เหลือแค่ยุบสภาหนีถ้าเจอซักฟอก
วันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 นางมนพร เจริญศรี สส.เขต 2 นครพนม พรรคเพื่อไทย อดีต รมช.คมนาคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เตรียมพร้อมเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่ปราศรัย ลุยจัดเวทีย่อยหาเสียง พบปะชาวบ้านรายตำบล ในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 2 เขต 3 เขต 4 พร้อมมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. เขต 3 เขต 4 นครพนม คนใหม่ ภายใต้แคมเปญยกเครื่องเพื่อไทย เพื่อทวงแชมป์คืนจากภูมิใจไทย ตั้งเป้ากวาดที่นั่งเป็นของเพื่อไทย ทั้ง 4 เขต เพราะเหลือเพียงแค่เขต 3 และเขต 4 เป็นพรรคภูมิใจไทย เน้นชูนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนแท้จริง เชื่อมั่นพรรคเพื่อไทยมีนโยบายกินได้ เข้าถึงประชาชน แต่มีนักการเมืองบางพรรคสร้างความบิดเบี้ยวทางการเมือง มองข้ามเสียงข้างมากของประชาชน ที่มาจากการเลือกตั้ง ยืนยันความจำเป็นของการเลือกตั้งครั้งนี้ จะต้องรวมพลังสนับสนุนพรรคเพื่อไทย กลับมาเป็นรัฐบาล สานต่อนโยบายการพัฒนาขับเคลื่อนประเทศไทย
เพื่อไทยถูกกระทำนิติสงครามหลายครั้งแต่ไม่หวั่นไหว
นางมนพร กล่าวปราศรัยกับพี่น้องประชาชนว่า ทุกนโยบายของพรรคเพื่อไทย มาจากความเดือดร้อน และปัญหาความทุกข์ยากของประชาชน ทุกนโยบาย ทุกยุคทุกสมัย เข้าถึงประชาชน แต่เสียดาย ปัญหาการเมืองประเทศไทย ทำให้พี่น้องประชาชนเสียโอกาส เพราะนักการเมืองบางพรรคสร้างความบิดเบี้ยวทางการเมือง หวังสืบอำนาจทางการเมือง จนพรรคเพื่อไทย ที่มีผลงานมากที่สุดของประเทศ ประชาชนได้ประโยชน์ ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนถึงเพื่อไทย ถูกกระทำจากปัญหานิติสงคราม ถูกปฏิวัติ รัฐประหาร ยุบพรรค มาหลายครั้ง แต่ยืนยันไม่เคยหวั่นไหว ไม่เคยล่มสลาย พร้อมยืนเคียงข้างประชาชน ที่สำคัญ พรรคเพื่อไทยมีประชาชนเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็ก ทำให้มีพลังขับเคลื่อนการทำงานต่อเนื่อง
...
เทียบ รัฐบาลอิ๊งค์-อนุทิน ปัญหาเหมือนกันแต่โดนแค่เพื่อไทย
หากถามถึงรัฐบาลปัจจุบัน ของนายกฯ อนุทิน ถือเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจเสียงข้างน้อย มาจากความบิดเบี้ยวทางการเมือง ยากที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนการพัฒนา ได้จัดตั้งรัฐบาลเพราะเสียงฝ่ายค้านมาสนับสนุน ทำให้เห็นความชัดเจนของการเมืองแบบสองมาตรฐาน ยกตัวอย่าง เป็นที่น่าสังเกต กรณีอดีตนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่ง เพราะการเจรจาเพื่อความสันติวิธีเกี่ยวกับปัญหาชายแดน แต่รัฐบาลปัจจุบันมีปัญหามากมาย ที่เข้าข่ายความผิดในการใช้อำนาจหน้าที่ รวมถึงการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ที่มีปัญหาในลักษณะเดียวกันกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ถูกพิจารณาตัดสินความผิด อย่างไรก็ตามเชื่อมั่น หากรัฐบาล นายกฯ อนุทิน ไม่ยุบสภาก่อนที่จะมีการถูกซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากถึงเวลาลงมติไม่ไว้วางใจ คงยากที่จะรอดเพราะมีเสียงข้างน้อยกว่าฝ่ายค้าน ทำให้การเลือกตั้งที่จะมาถึงสำคัญสำหรับพี่น้องประชาชน ถึงเวลารวมพลังสนับสนุนพรรคเพื่อไทย สร้างความสมบูรณ์ให้แก่ระบอบประชาธิปไตย ประกาศจุดยืนให้นักการเมืองรับรู้ว่า เสียงของประชาชนจะต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน พรรคการเมืองที่มาจากเสียงข้างมากของประชาชน จะต้องยืนหยัดอยู่กับประชาชน เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย