“วันนอร์” หวังแก้รัฐธรรมนูญจบใน พ.ย. จ่อเปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ ยัน พร้อมสอบปม “ผู้ช่วย สส.” แต่ต้องมีคนร้องเรียนก่อน


วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวที่อาคารรัฐสภา ถึงสัญญาณการขอเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ ว่า ตนยังไม่ได้รับสัญญาณจากรัฐบาลอย่างเป็นทางการ มีพูดคุยกันกับคณะกรรมาธิการ ที่ไปดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าอาจจะต้องขอให้สภาเปิดประชุมวิสามัญก่อน เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นมีข้อแตกต่างจากกฎหมายอื่น เมื่อพิจารณาเสร็จในวาระ 2 ตามมาตราแล้ว ก็ต้องเว้นระยะไว้ 15 วัน ก่อนที่จะลงมติในวาระ 3 เพราะฉะนั้น ทางกรรมาธิการจึงอยากให้การประชุมพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 ก่อนวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ซึ่งสภาฯ ก็มีความพร้อมบรรจุระเบียบวาระ ขึ้นอยู่กับกรรมาธิการจะประชุมเสร็จวันที่เท่าไหร่ และคงจะมาขอให้สภาฯ ส่งเรื่องไปยังรัฐบาลเพื่อขอเปิดประชุมสมัยวิสามัญ

ทั้งนี้ อยากให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงอยากให้กรรมาธิการทุกคนเข้าประชุม และให้ความเห็นประนีประนอมในข้อคิดเห็นต่างๆ เพื่อสามารถที่จะประชุมในวาระที่ 2 ให้เสร็จเรียบร้อย และผ่านในวาระ 3 เพื่อจะไปทำประชามติตามที่รัฐบาล และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมไว้แล้ว ซึ่งขณะนี้ทางคณะกรรมาธิการแก้ไขใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว และควรจะเสร็จสิ้นภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ต้นเดือนธันวาคม ก่อนประชุมสามัญ ควรจะขอให้เปิดวิสามัญได้แล้ว

ขณะเดียวกัน นายวันมูหะมัดนอร์ ยังกล่าวถึงการตรวจสอบประเด็นผู้ช่วย สส.พรรค ที่ขณะนี้มีการออกมาแฉกันไปกันมา ว่า ต้องเป็นไปตามกฎหมาย และข้อบังคับ การแต่งตั้งผู้ชำนาญการ หรือผู้ช่วย สส. ถ้ามีคนร้องมาว่ามีการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ทางสภาฯ ก็ต้องมีการตรวจสอบ ไม่เช่นนั้นอาจจะมีความผิดเรื่องละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่จะปิดอย่างไรก็ต้องว่ากันอีกครั้ง เพราะข้อบังคับ และกฎหมายระบุไว้ชัดเจน ซึ่งจะต้องมีคนร้องเรียนเข้ามาก่อน เพื่อที่จะได้มีข้อมูล ทางสภาฯ ก็จะให้ฝ่ายกฎหมายไปตรวจสอบว่าคำร้องนั้นเป็นจริงหรือไม่ เพราะการแต่งตั้งผู้ชำนาญการ หรือผู้ช่วย สส. สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกปี

...

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตามระเบียบของสภาผู้แทนราษฎร ระบุไว้ว่า สส. สามารถแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญประจำตัว ผู้ชำนาญการประจำตัว และผู้ช่วยดำเนินงาน สส. ได้รวม 8 คน โดยต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

คุณสมบัติทั่วไป (ต้องมีครบทุกประการ)

1. มีสัญชาติไทย

2. มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์

3. เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ

4. ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ คนวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ

5. ไม่เป็นข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีตำแหน่ง หรือเงินเดือนประจำ ผู้บริหารท้องถิ่น ข้าราชการการเมือง ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง พนักงานหน่วยงานของรัฐ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ

6. ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีจนเป็นที่รังเกียจของสังคม

7. ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย

คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง (ต้องมีข้อใดข้อหนึ่ง)

1. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป

2. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป และเคยปฏิบัติ หรือประสานงานทางด้านการเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี

3. ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และเคยปฏิบัติ หรือประสานงานทางด้านการเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี

4. ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และเคยปฏิบัติ หรือประสานงานทางด้านการเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี

5. สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ) และเคยปฏิบัติ หรือประสานงานทางด้านการเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 ปี

ส่วนหน้าที่รับผิดชอบอยู่ที่ สส. กำหนด เมื่อผ่านการคัดกรองจาก สส. แล้ว ทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ จะตรวจสอบคุณสมบัติ และหลักฐานการสมัครอีกครั้ง หากเห็นว่าถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ก็จะมีคำสั่งแต่งตั้งต่อไป โดยได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 15,000 บาท.