“นายกฯ อนุทิน” แถลงการณ์สยบข่าวชิงยุบสภา รู้ตัวเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เดินหน้าตาม MOA ภายใน 120 วัน ไม่จับรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกัน พร้อมแจงซักฟอก ย้ำปัญหาสแกมเมอร์มีมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนหน้า
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกแถลงการณ์ถึงประเด็นการชิงยุบสภา หากมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ขอยืนยันในฐานะนายกรัฐมนตรีที่มาจากข้อตกลงกับพรรคประชาชน ว่า จะยุบสภาภายใน 120 วัน ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 31 มกราคม 2569
ขณะเดียวกัน ขอเรียนย้ำว่า ข้อตกลงที่ทำกับพรรคประชาชน มีสาระสำคัญคือ
1) แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
2) จัดให้มีการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปในครั้งถัดไป
3) ยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 120 วัน นับตั้งแต่วันแถลงนโยบาย
4) พรรคประชาชนเป็นพรรคฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ตรวจสอบ ให้คำแนะนำการทำงานของรัฐบาล ซึ่งผมยอมรับบทบาท และการตรวจสอบของพรรคประชาชน และยินดีชี้แจง
ทั้งนี้ รัฐบาลในห้วงเวลา 120 วัน มีภารกิจสำคัญ 3 ประการ คือ แก้ไขรัฐธรรมนูญ, จัดทำประชามติ และยุบสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเราจะทำให้ครบ และเมื่อทำ 2 ภารกิจแรกสำเร็จแล้วก็จะยุบสภา ซึ่งจะไม่เกินเวลา 120 วัน ตามที่ตกลงกันไว้กับพรรคประชาชน
เมื่อมาเป็นรัฐบาลแล้ว ในห้วงเวลา 120 วันก่อนจะไปสู่การยุบสภา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ผมต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของประชาชน ของประเทศ 4 เรื่อง คือ 1) ปัญหาเศรษฐกิจ 2) ปัญหาความมั่นคง 3) ปัญหาภัยธรรมชาติ และ 4) ปัญหาภัยสังคม ยาเสพติด ฉ้อโกง หลอกลวงประชาชน ซึ่งเกิดขึ้นมาก่อนที่รัฐบาลนี้จะเข้ามาทำงาน ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา รัฐบาลนี้ ไม่สามารถวางแผนทำงานเกินกว่า 4 เดือนได้ ขอย้ำว่ารัฐบาลนี้มาแก้ปัญหาที่สะสมต่อเนื่องกันมายาวนาน ปัญหาพิพาทไทย-กัมพูชา ปัญหาสแกมเมอร์ มีมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนหน้านี้ รัฐบาลไม่ได้สร้างปัญหา แต่มาแก้ปัญหา เช่นเดียวกับการมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซา จนเป็นที่มาของนโยบายลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น คนละครึ่งพลัส เที่ยวดีมีคืน แก้หนี้รายย่อย สุขกายสบายกระเป๋า
...
“ผมรู้ตัวตลอดเวลาว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ดังนั้น หากมีการยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ เพื่อประโยชน์ทางการเมือง รัฐบาลย่อมไม่มีทางที่จะมีเสียงสนับสนุนมากกว่า รัฐบาลก็ต้องคิดว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงกับพรรคประชาชน แต่ถ้าเป็นการยื่นญัตติเปิดอภิปรายเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาของประเทศร่วมกัน ผมพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นอภิปรายไม่ไว้วางใจเท่านั้น จัดเวทีประชุมหรือมาพูดคุยหารือกันในลักษณะแบบนี้ได้ทั้งนั้น”
นายอยุทิน ระบุต่อไปว่า หากมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อมาเป็นรัฐบาลต้องพร้อมชี้แจง แม้ว่าจะมีในข้อตกลงหรือไม่มีก็ตาม พร้อมย้ำรัฐบาลพร้อมชี้แจง และไม่เคยคิดที่จะจับรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกัน แต่เราจะเร่งแก้รัฐธรรมนูญให้เสร็จเร็วที่สุดตามกรอบเวลาที่กำหนด จากนั้นจะยุบสภา
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาตนได้เชิญ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน มาหารือ แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาสแกมเมอร์ แต่ยังไม่ได้พบกัน เพราะเวลาไม่ตรงกัน วันที่ 14 หน่วยงานมาแถลงข่าวร่วมกัน ก็เชิญท่านมาพูดคุยกันก่อนด้วย แต่ท่านมีภารกิจจึงไม่ได้มา แต่คิดว่าน่าจะมีเวลาตรงกันและมาทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “ขอให้พรรคประชาชนที่สนับสนุนให้มีรัฐบาลนี้ และประชาชนที่กำลังรอการเลือกตั้งใหม่ เชื่อมั่นได้ว่าผมในฐานะนายกรัฐมนตรี จะปฏิบัติตามข้อตกลงกับพรรคประชาชนทุกประการตามที่ได้แถลงต่อรัฐสภาไว้แล้ว”