“โรม” เย้ย นายกฯ ทำ MOU ผนึก 14 หน่วยงาน ปราบ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี แค่พิธีการ ประชาชนหวังเห็นผลลัพธ์มากกว่า ลั่นคนทั้งโลกสงสัย “ธรรมนัส” ถ้าไม่ปลด รัฐบาลยากที่จะมีความเชื่อมั่น
วันที่ 6 พ.ย. 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะ ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง กรณีที่นายกรัฐมนตรี เป็นประธานลงนาม MOU เรื่องการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีว่า เรื่องการทำ MOU ประเด็นสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่การทำ MOU ที่เป็นแค่พิธีการ แต่พิธีการเหล่านี้จะมีความหมาย หรือไม่ ก็อยู่ที่การปฏิบัติหน้าที่จริงๆ แต่ถ้าไม่มีการปฏิบัติหน้าที่แล้วก็ไปเอาในเรื่องของการสอบสวน ในเรื่องของเส้นเงินต่างๆมา เพื่อดำเนินคดีเอาผิดกับบุคคลต่างๆ ตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้เลย ในการที่จะปราบปรามสแกมเมอร์ การลงนาม MOU เพียงแค่มารวมพลังกันนี้ ตนคิดว่ามันยังไม่เห็นผลในการปฏิบัติ อาจจะมีดีอยู่บ้างที่จะได้เห็นภาพการทำงานร่วมกัน มันก็ได้แค่นี้ แต่สิ่งที่สังคมคาดหวัง คือการได้ผลลัพธ์ที่ดี คือการจัดการกับพวกทุนสีเทา และนับตั้งแต่เรื่องนี้ที่มีการตรวจสอบคนในรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง เราก็มักจะเห็นข่าวมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเจ้าหน้าที่ไปจับกุมเว็บนั้น ทลายเว็บนี้ ซึ่งจริงๆเราก็ยังไม่รู้ ว่าจะนำไปสู่การจัดการตัวคีย์แมนจริงๆ อย่างไร แต่อย่างน้อยที่สุด เราก็มีข้อมูลอยู่ในมือ ซึ่งเป็นตัวคีย์แมนระดับโลกอย่างปริ้นซ์ กรุ๊ป ก็ยังไม่มีความคืบหน้าตรงนี้เลย หรือก๊กอาน ที่บอกว่าออกหมายจับ ก็ต้องชี้แจงให้ชัดว่ามีการดำเนินการอย่างไร หรือนายลี ยงพัด ที่บอกว่ามีการยึดทรัพย์ ก็น้อยมาก
...
เรียกร้องปลด “ธรรมนัส”
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า แม้กระทั่งนายเบน สมิธ เอายังไง ยิม เลียก เอายังไง นี่คือสิ่งที่เรายังไม่ได้เห็นในส่วนนี้ แล้วมากไปกว่านั้นความเชื่อมั่นที่รัฐบาลจะต้องมอบให้ประชาชนคือการปลดร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ถ้ายังอุ้มกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ คิดว่ารัฐบาลนี้ยากที่จะมีความเชื่อมั่นได้
สังคมสงสัยเชื่อมโยง เบน สมิธ
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีได้ถามกับผู้สื่อข่าววันนี้ว่าการปลดร้อยเอกธรรมนัส เกี่ยวอะไรกับการปราบสแกมเมอร์ นายรังสิมันต์ กล่าวว่าวันนี้ต้องยอมรับว่าร้อยเอกธรรมนัส เป็นส่วนหนึ่งที่ถูกสังคมและกรรมาธิการสงสัยว่ามีความเชื่อมโยง กับนายเบน สมิธ ซึ่งตนเชื่อว่านายกรัฐมนตรีมีทักษะภาษาอังกฤษ ผู้ช่วยคนไหนก็ได้ ไปเปิดดู ร่างกฎหมายสภาคองเกรส ที่เขาเสนอกันได้ระบุชื่อใครบ้าง หนึ่งในนั้นคือนายเบน สมิธ ถามว่าถึงขนาดนี้จะไม่ให้เราสงสัย ถึงความสัมพันธ์ระหว่างร้อยเอกธรรมนัส กับนายเบน สมิธ ได้อย่างไร ซึ่งร้อยเอกธรรมนัสก็เป็นคนพูดเองว่ารู้จัก ถ้าจนถึงตอนนี้เรายังไม่เห็นผลประโยชน์ที่มันทับซ้อน กันและกัน ถ้านายกฯไม่สงสัย ก็เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก
รับไม่ได้นายกฯยังอุ้ม
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ดังนั้นเราเห็นรูปแบบถึงการพึ่งพาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ระหว่างนายเบน สมิธ กับร้อยเอกธรรมนัส และร้อยเอกธรรมนัสคือคนที่ทั้งโลก สงสัยอยู่ว่าเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ ถ้านายกฯจะมาอุ้มชูร้อยเอกธรรมนัส แบบนี้ตนรับไม่ได้ เรื่องนี้น่าผิดหวัง ถ้าจะมาปกป้องร้อยเอกธรรมนัส กันแบบนี้และ “ผมก็อยากให้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ช่วยบอกนายกรัฐมนตรีหน่อยว่า ตกลงใครเป็นโจร ช่วยไปชี้ให้หน่อย เพราะท่านชาดารู้ดีว่าใครเป็นใคร”
พบนักการเมืองเอี่ยวเส้นเงิน
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่ารายละเอียดในเอกสารที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์นำมามอบให้กับคณะกรรมาธิการนั้นมีเนื้อหาอย่างไรบ้าง ซึ่งทางนายรังสิมันต์ เปิดเผยเพียงสั้นๆว่าเท่าที่ดูผ่านๆ ก็เป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินว่าเงินจำนวนเท่าไร ไหลเข้าไปสู่บัญชีของใครบ้าง ซึ่งจากการที่ดูในรายละเอียดคร่าวๆ ก็เห็นว่า ตามเอกสารเส้นทางการเงินปรากฏชื่อของบุคคล ในระดับผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าไปเกี่ยวข้องอีกหลายคน รวมถึง ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทั้งในอดีตและปัจจุบันของกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และนอกจากนี้ก็ยังพบว่ามีนักการเมืองจากพรรคการเมืองอื่น นอกจากพรรคกล้าธรรมเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ด้วย