“ภราดร”เชื่อฝ่ายค้านไม่ยื่นซักฟอก เหตุทุกฝ่ายอยากแก้รัฐธรรมนูญให้สำเร็จ แค่อาจเป็นความเห็นส่วนบุคคล ชี้หากต้องการให้เสร็จก่อนสิ้นปี ต้องเปิดรัฐสภาสมัยวิสามัญ


เมื่อเวลา 14.25 น.วันที่ 6 พ.ย. 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องความชัดเจนในการขอเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ ในระหว่างวันที่ 8 - 10 ธ.ค.2568 ว่ายังไม่ชัดเจน ที่ตนให้ข่าวในวันนั้นเป็นการแสดงความคิดเห็นว่าหากเป็นไปได้ และทุกฝ่ายอยากเห็นการลงมติในวาระ 3 ก่อนปีใหม่ ก็จำเป็นจะต้องเปิดสมัยวิสามัญ ไม่จำเป็นต้องเปิดปลายเดือน พ.ย. เพราะเราสามารถที่จะเปิดก่อนการเปิดประชุมสมัยสามัญทั่วไป 2-3 วันเท่านั้น ฉะนั้นจึงสามารถทำได้ เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าหลังจากลงมติในวาระ 2 เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะลงมติในวาระที่ 3 จะต้องรอไว้ 15 วัน ซึ่งถ้ารอให้เปิดสมัยประชุมในวันที่ 12 ธันวาคม จะตรงกับวันศุกร์ ซึ่งตามปกติแล้วประธานรัฐสภาจะไม่นัดประชุมในวันดังกล่าว แต่จะไปนัดอีกทีในวันที่ 15 หรือ 16 ธ.ค.ทั้งนี้ หากนับไปอีก 15 วัน ก็จะตรงกับวันที่ 31 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันหยุดสิ้นปี จึงทำให้ไม่สามารถพิจารณาให้เสร็จทันก่อนปีใหม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าทุกฝ่ายเห็นว่าควรให้เสร็จก่อนปีใหม่ ในการลงมติในวาระ 3 ก็จำเป็นจะต้องเปิดสมัยวิสามัญ


เมื่อถามว่า จะต้องเริ่มจากสภาชงเรื่องเปิดสภาสมัยวิสามัญมาใช่หรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องแจ้งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อขอเปิดสมัยประชุมวิสามัญ  เมื่อถามว่า ส่วนที่นายกรัฐมนตรีพูดถึงเรื่องการยุบสภาในกรรมาธิการได้พูดคุยกันถึงเรื่องนี้หรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร จะเสร็จแค่ไหน หรือจะไม่เสร็จเพราะยุบสภา นายภราดร กล่าวว่า ยุบสภาไปก็ยกเลิกหมดทุกอย่าง และที่ทำมาก็ล้มทั้งหมด จึงขอภาวนาอย่าให้เกิด

...


เมื่อถามว่า แล้วอย่างนี้ต้องขอใคร ขอพรรคส้มหรือพรรคแดง นายภราดร กล่าวว่า ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ ในเวลาแค่ 1-2 เดือน ฝ่ายการเมืองจะต้องตระหนักให้ดี เพราะหมุดหมายของเราอยู่ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้ และเดินหน้าสู่การทำประชามติ พร้อมกับการเลือกตั้ง ดังนั้นอุปสรรคใดที่จะทำให้รัฐธรรมนูญไม่เดินสู่เป้าหมาย ก็ต้องช่วยกันพิจารณา


เมื่อถามว่า หากนายกรัฐมนตรียุบสภาจะไปโทษว่าละเมิด MOA ไม่ได้ใช่หรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ตนเชื่อว่าไม่มีใครยื่นซักฟอก เพราะเท่าที่พูดคุยกันในกมธ.ก็เห็นตรงกันว่า อยากเดินหน้าสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทุกฝ่ายก็รู้ว่า การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจมีบทสรุปคืออะไร


เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) บอกว่าจะยื่นซักฟอก แสดงว่าพรรค พท. ก็ไม่น่าจะยื่นใช่หรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า เท่าที่ตนคุยรายบุคคล ไม่ได้คุยในนามพรรค ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า หมุดหมายสำคัญคือ การพยายามเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อถามว่า มองว่าเป็นการขู่ของฝ่ายค้านหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ไม่ทราบ อาจจะเป็นความเห็นส่วนบุคคล


เมื่อถามว่า หากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแต่ประธานรัฐสภาไม่ได้บรรจุในระเบียบวาระ จะเปรียบเสมือนยังไม่มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจใช่หรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ตนเข้าใจว่า ญัตติจะมีผลก็ต่อเมื่อถูกบรรจุไว้ในระเบียบวาระ

เมื่อถามต่อว่า ประธานรัฐสภาสามารถยั้งไว้ก่อนได้ใช่หรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ตามขั้นตอนปกติ ตนเชื่อว่าทุกคนจำได้ว่า เวลาจะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ คนที่ทำหน้าที่เป็นประธานจะตรวจสอบญัตติให้ถี่ถ้วนเสียก่อน เช่นเดียวกับครั้งที่แล้วที่มีการตรวจญัตติว่าถูกต้องหรือไม่ ซึ่งนอกจากชื่อแล้ว ยังรวมถึงถ้อยคำในญัตติด้วยว่า สามารถระบุถึงบุคคลใดได้หรือไม่ ครั้งที่แล้วก็มีการถกเถียงเรื่องนี้กันพอสมควร ดังนั้นก่อนที่จะบรรจุระเบียบวาระ ก็เป็นหน้าที่ของประธานรัฐสภาที่จะต้องตรวจสอบให้ถูกต้อง เป็นไปตามข้อบังคับและกฎหมาย