“พริษฐ์ วัชรสินธุ” อัด รัฐบาลต้องไม่เอาเรื่องสัญญาแก้รัฐธรรมนูญมาเป็นตัวประกัน ยอมรับหากวันนี้ยุบสภา ประชามติจะไม่เกิด แถมชี้ชัดใช้อำนาจหนีการแก้ รธน.-การตรวจสอบ
วันที่ 6 พ.ย. 2568 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน เปิดเผยกับไทยรัฐออนไลน์ ถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกมาระบุว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะชิงยุบสภา หากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น จะกระทบกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการทำประชามติหรือไม่ ว่า ณ เวลานี้ รัฐบาลมีการประกาศจะยุบสภา ภายใน 31 ม.ค. 2569 ดังนั้นภารกิจตอนนี้ที่สำคัญของรัฐบาลมี 2 เรื่อง คือการรักษาสัญญาเพื่อผลักดันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การทำประชามติ 2 คำถามที่จะเกิดขึ้นวันเดียวกันกับที่มีการเลือกตั้ง ซึ่งตอนนี้ในชั้นกรรมาธิการก็เริ่มเข้าสู่การพิจารณารายมาตราแล้ว และทุกฝ่ายก็พยายามจะเร่งทำให้เร็วที่สุดเพื่อจะทำให้การพิจารณาในวาระ 2 และ 3 เสร็จภายในสิ้นปีนี้ ส่วนภารกิจที่ 2 คือรัฐบาลจะต้องเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใสต้องไม่ทำให้เกิดการตั้งคำถามในปัญหาที่รัฐบาลยังแก้ไม่ได้ เช่น เรื่องสแกมเมอร์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะความไม่เอาจริงเอาจังของรัฐบาล หรือมีเรื่องประโยชน์ทับซ้อนของคนในรัฐบาลหรือไม่ ที่รัฐบาลจะต้องทำ 2 เรื่องนี้คู่ขนานกัน โดยรัฐบาลจะต้องไม่เอาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเป็นตัวประกันเพื่อดำรงอยู่ในการบริหารประเทศต่อไป
หากนายกฯ จะมีการชิงยุบสภาโดยที่ยังไม่ทำภารกิจเรื่องแก้รัฐธรรมนูญให้สำเร็จ หรือยุบสภาเพื่อหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จะเหมือนกับการเป็นบริษัทผู้รับเหมาที่ทิ้งงานหรือปิดกิจการเพื่อหนีการตรวจสอบ
...
เมื่อถามว่า สิ่งที่นายกฯ พูดว่า Play it by ear (ไม่มีแผนการตายตัว) พรรคประชาชนจะตั้งรับอย่างไร นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรามี 2 หน้าที่คู่ขนาน คือการผลักดันการแก้รัฐธรรมนูญให้สำเร็จตามกรอบเวลา และตรวจสอบรัฐบาลจากวันนี้ไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค. เพื่อไม่ให้ดำเนินนโยบายหรือกระทำการใดๆ ที่เสียหายต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน
เมื่อถามว่าหากมีการยุบสภาจริงๆ จะกระทบต่อการทำประชามติหรือไม่ นายพริษฐ์ ยอมรับว่า มีผลกระทบต่อการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ตอนนี้ในที่ประชุม กมธ. พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าต้องการเดินหน้าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เร็วที่สุด ซึ่งหากสามารถเสร็จทันวาระ 2-3 ช่วงการเปิดประชุมวิสามัญเพื่อพิจารณา โดยไม่ต้องรอประชุมสามัญ ถ้าทันก็คงจะเดินหน้าเช่นนั้น อีกทั้งนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า อาจจะมีการเปิดประชุมวิสามัญ ช่วงต้นเดือนธันวาคม เพื่อพิจารณาวาระ 2 ในการประชุมกรรมาธิการทุกฝ่ายพยายามร่วมมือกันในการทำให้เรื่องนี้คืบหน้าเร็วที่สุด
“หากยุบสภาวันนี้มันจะไม่มีประชามติ เพราะเรื่องรัฐธรรมนูญ รัฐสภาต้องมีมติ เนื่องจากคำถามที่ 1 ต้องมีความเห็นจากครม.ในการจัดทำประชามติ คำถามแรกว่าเห็นควรให้มีการจัดทำประชามติฉบับใหม่หรือไม่ ส่วนคำถามที่ 2 เรื่องกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มันจะเกิดขึ้นได้หลังจากที่รัฐสภาผ่านร่างในวาระ 3 ถึงจะสามารถส่งให้ครม.ทำในเรื่องนี้ได้ ถ้าหาก 2 เหตุนี้ยังไม่ได้เกิดขึ้น หากสมมุติว่าบ่ายนี้นายกฯ ยุบสภามันก็จะไม่มีประชามติรัฐธรรมนูญ ผมถึงย้ำว่า นายกฯ ต้องไม่ใช้อำนาจ ยุบสภา หนีความรับผิดชอบในการแก้รัฐธรรมนูญ หรือหนีการตรวจสอบ” นายพริษฐ์ กล่าว
เมื่อถามว่า เหมือนเขาใช้เกมนี้มากดดันฝ่ายค้านหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า นายกฯ ต้องไม่เอาเรื่องสัญญาการแก้รัฐธรรมนูญมาเป็นตัวประกัน ไม่ให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ในการตรวจสอบ และเราก็ยืนยันในฐานะฝ่ายค้านจะทำ 2 อย่างคู่ขนาน คือร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้รัฐธรรมนูญให้สำเร็จและใช้ทุกกลไกของสภาในการตรวจสอบ
เมื่อถามว่า ทางพรรคประชาชนจะแก้เกมอย่างไร หากรัฐบาลชิงยุบสภา นายพริษฐ์ กล่าวว่า หากมีการยุบสภา ตอนนี้ มันก็ชัด คือการใช้อำนาจหนีการแก้รัฐธรรมนูญ และหนีการตรวจสอบ ตนเองเชื่อว่าพี่น้องประชาชนจะลงโทษในคูหาเลือกตั้ง
“ผมคิดว่านายกฯ ต้องคิดดีๆ ว่า ถ้าทำเช่นนั้น นายกฯ ใช้อำนาจยุบสภา หนีการตรวจสอบ หนีแก้รัฐธรรมนูญ ประชาชนก็คงจะลงโทษนายกฯ ผ่านคูหาเลือกตั้ง” นายพริษฐ์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้ออกมาระบุว่าการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจจะเสี่ยงองค์ประชุมไม่ครบ นายพริษฐ์ กล่าวว่าอำนาจจะเปิดหรือไม่เปิดประชุมอยู่ที่ฝ่ายบริหาร ส่วนตัวคิดว่าหาก กมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ พิจารณาเสร็จแล้วสามารถส่งร่างไปให้รัฐบาลพิจารณาในช่วงปิดสมัยประชุมได้ หากฝากฝ่ายบริหารตัดสินใจเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ก็คงไม่มีหน้าที่อะไรของสมาชิกรัฐสภาที่สำคัญไปกว่าการพิจารณาร่างกฎหมาย เมื่อถามว่าจะต้องมีการไปพูดคุยกับทางฝั่งรัฐบาลอีกหรือไม่ในเรื่องนี้ นายพริษฐ์ กล่าวว่ามีการพูดคุยในชั้นกรรมาธิการอยู่เพราะมีตัวแทนของทุกฝ่ายอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสว. สส. ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลและคนจากรัฐบาล
นายพริษฐ์ ยังกล่าวถึงการประชุม กมธ.รัฐธรรมนูญ ในวันนี้ว่า มีความคืบหน้าเข้าสู่การพิจารณารายมาตราแล้ว แต่กำลังดูว่าจุดไหนมีการเห็นร่วมกันได้หรือไม่ แต่หากเห็นต่างกันจริงๆ ก็ต้องลงมติในชั้น กมธ. เมื่อร่างของพรรคประชาชนได้รับมอบเป็นร่างหลักก็พยายามจะอธิบายให้ กมธ. สัดส่วนอื่นได้เข้าใจและคล้อยตาม ส่วนสูตร ส.ส.ร. จะได้ข้อสรุปวันนี้หรือไม่ ต้องรอดูเป็นรายมาตรา ว่าไปถึงมาตราไหน เพราะเรื่ององค์กรผู้ร่างรัฐธรรมนูญคาบเกี่ยวหลายมาตรา ไม่ได้จะจบที่มาตราใดมาตราหนึ่ง
เมื่อถามว่าหากสูตร ส.ส.ร. ออกมาผสมกันระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน หน้าตาจะเป็นแบบไหน นายพริษฐ์ กล่าวว่า คงคาดเดายาก เพราะในกรอบการทำงานไม่ใช่ร่างของพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนอย่างเดียว แต่ความคิดเห็นของทุกฝ่าย รวมถึงเนื้อหาสาระของพรรคเพื่อไทยที่ไม่ผ่านในวาระ 1 ก็นำมาพิจารณาหมด ตนเองคิดว่าทุกฝ่ายเห็นตรงกัน แม้เราจะมีความเห็นที่แตกต่างในบางประเด็น แต่ถ้าร่างรัฐธรรมนูญจะสามารถผ่านในวาระ 3 ไปได้ แล้วประชาชนลงมติเห็นชอบมันก็ต้องเป็นฉันทามติจากทุกฝ่ายในระดับหนึ่ง