“โรม” ชี้ เป็นสิทธิ นายกฯ ชิงยุบสภาหนีอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ แต่ขอให้คิดดี ๆ อาจถูกกล่าวหา “อุ้มโจร” จวก ผบ.ตร. หนีปัญหา ไม่มาชี้แจง กมธ.มั่นคงฯ ชี้ระบบมีปัญหา เอื้อตำรวจเทาขึ้นสู่อำนาจ


วันที่ 6 พ.ย. 2568 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีพร้อมที่จะยุบสภาทันทีหากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และไม่ยอมให้โดนด่าฟรีว่า เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีทำได้ตามกฎหมาย แต่อีกมุมหนึ่งสิ่งที่ประชาชนเชื่อ หรือมองจะเป็นอย่างไร พร้อมหยิบยกที่ นายชาดา ไทยเศรษฐ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย และที่บอกว่าตั้ง “โจรมาปราบโจร” ส่วนตัวจึงตั้งคำถามว่า แล้วโจรจะอุ้มโจร อุ้มโจร อุ้มโจร นั้นมันก็หลายต่อ หากชิงยุบสภาหนีไปก่อน คำถามสำคัญประชาชนจะเข้าใจได้อย่างไร จะกลายเป็นว่าสุดท้ายคือการช่วยเหลือซึ่งกันและกันหรือไม่ และทำเช่นนี้ใครจะได้ประโยชน์ กลุ่มสีเทาจะได้ประโยชน์ใช่หรือไม่ ตนแนะไปยังนายกรัฐมนตรีว่าต้องคิดให้ดี ๆ

ไร้ตัวแทน ผบ.ตร. มาชี้แจง

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึง พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร. ที่มายื่นหนังสือต่อกรรมาธิการมั่นคงฯ ว่า วันนี้มีการประชุม 2 วาระ วาระในช่วงเช้า กรณีการกลั่นแกล้งโดยผบ.ตร. ซึ่งเป็นเบอร์หนึ่งในองค์กรตำรวจยังถูกข้อกล่าวหา จึงต้องมีการสอบข้อเท็จจริง ส่วนวาระในช่วงบ่ายมีเรื่องการแต่งตั้งตำรวจ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริต และมีคดีอยู่ในชั้นปปช. ซึ่งมีคดีเกี่ยวกับกลุ่มทุนสีเทา และอาจโยงไปถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งการประชุมวันนี้จะเป็นเรื่องการปฏิรูปตำรวจเป็นหลัก จะเห็นข้อเท็จจริงหลายมิติ ทั้งเรื่องทุนสีเทา เรื่องความไม่เป็นธรรมในระบบองค์กรตำรวจ โดยวันนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่ได้เดินทางมาแต่ได้มอบหมายให้ พลตำรวจเอกกรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาชี้แจงแทน แต่พลตำรวจเอกกรไชยก็ไม่ว่างมาชี้แจงอีก โดยหากตัวแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้มาชี้แจงในเรื่องนี้ จะให้มองในเรื่องนี้อย่างไร แล้วจะให้ประชาชนตั้งคำถามกับองค์กรตำรวจอย่างไร

...

จวก สตช.หนีปัญหา

“ถ้าไม่กล้าที่จะเผชิญหน้า ชี้แจงกับข้อกล่าวหาแล้วชี้แจงให้สงสัย คิดว่าองค์กรตำรวจจะยิ่งเสียหายมากขึ้น พี่น้องตำรวจทั่วประเทศมี 200,000 คน อยากให้ตั้งคำถามถึงผู้บังคับบัญชา ว่าวันนี้คนที่ทำให้องค์กรตำรวจเสียหายคือใคร ไม่ใช่ฝ่ายการเมือง เราไม่ได้กลั่นแกล้งใคร เพราะเราใช้กลไกตามสภาและดึงทุกฝ่าย ผู้ที่ถูกกล่าวหาและผู้กล่าวหามาชี้แจง หากไม่ใช่โอกาสที่สร้างความกระจ่าง ก็เท่ากับว่าหนีปัญหา หนีความจริง ที่ตั้งคำถามว่า องค์กรตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไม่ถูกต้องผิดกฎหมาย และสุดท้ายการที่ใครจะเป็นยังไง จึงตั้งคำถามว่าบิ๊กต่ายหนีปัญหาใช่หรือไม่กับเรื่องนี้” นายรังสิมันต์กล่าว

เชื่อตำรวจน้ำดียังมีเยอะ

นายรังสิมันต์ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าองค์กรตำรวจ เป็นแก๊งอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งเป็นความเห็นของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ ว่า บิ๊กโจ๊กเป็นตำรวจเก่า และรู้ว่าตำรวจเป็นอย่างไรมากกว่าตนเอง แต่ก็ไม่ได้เชื่อใจได้ 100% ซึ่งต้องฟังทุกฝ่ายและนำข้อมูลมาตรวจสอบ แต่ด้านหนึ่งก็เชื่อว่ามีตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาหลายคน ที่อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไม่ถูกต้องเรื่องผิดกฎหมาย แต่ก็เชื่อว่าตำรวจดี ๆ ยังมีอยู่ ตำรวจน้ำดีหลายคน ยกตัวอย่างคนที่สามารถพูดได้เต็มปาก พลตำรวจตรีปวีณ พงศ์สิรินทร์ นี่คือตำรวจน้ำดี แต่ตนที่ว่าขณะนี้ระบบมีปัญหาที่เอื้อให้กับตำรวจไม่ดีขึ้นสู่อำนาจและต้องแก้ไข ในการปฏิรูประบบตำรวจ ซึ่งได้นำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว แต่ก็ไม่เชื่อว่าจะเกิดการแก้ไขในรัฐบาลยุคของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี หวังว่าการเลือกตั้งรอบหน้า วาระที่จะทำให้องค์กรตำรวจดีขึ้นเป็นวาระที่สำคัญ ทำให้องค์กรตำรวจเป็นองค์กรที่ทำงาน ทำแล้วทำดีก็ได้ดี คือสิ่งที่ต้องการเห็น