โฆษกกระทรวงกลาโหม ยืนยัน “ไทย”แค่ถอนอาวุธหนัก ไม่ได้ถอนกองกำลังป้องกันชายแดน ใช้กลไก AOT กดดัน หากกัมพูชาเบี้ยวเก็บกู้ระเบิด


วันที่ 3 พ.ย. 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงประเด็นที่ทหารกัมพูชา ถอนอาวุธหนักที่มีอำนาจการทำลายล้างสูงเช่น จรวดหลายลำกล้อง BM-21 ซึ่งกำหนดไว้ในวันที่ 1 – 21 พ.ย. 2568 ส่วนเฟสที่ 2 เป็นการถอนกำลังอาวุธระบบปืนใหญ่ทุกประเภท ทั้งปืนใหญ่ลากจูงและปืนใหญ่อัตตาจร กำหนดห้วงเวลาคือ 22 พ.ย. – 12 ธ.ค. 2568

ส่วนเฟสที่ 3 จะเป็นการถอนอาวุธที่เหลือ เช่น รถหุ้มเกราะ รถถัง กำหนดเวลาไว้ที่ 13 ธ.ค. – 31 ธ.ค. 2568 โดยคาดว่าจะถอนกำลังและอาวุธหนักทั้งหมด ได้ภายในสิ้นปีนี้ ครอบคลุมเวลาทั้งหมด 2 เดือน

ถอนแค่อาวุธหนักไม่ถอนกำลัง

ส่วนข้อห่วงใยของประชาชนเรื่องการถอนอาวุธจะหมายถึงถอนทหารด้วยหรือไม่นั้น โฆษกกระทรวงกลาโหมยืนยันว่าเป็นแค่การถอนอาวุธหนัก ส่วนกองกำลังป้องกันชายแดนที่วางกำลังอยู่ในพื้นที่เดิมอยู่แล้ว “ไม่มีการถอนกำลังใดๆ” กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนยังคงปฏิบัติหน้าที่เช่นเดิม ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าทหารยังคงดำรงการปกป้องอธิปไตยของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ถอนกำลังออกหมด

ใช้กลไก AOT กดดันกัมพูชา

ส่วนที่มีคำถามว่า จะรู้ได้อย่างไรว่ากัมพูชาถอนอาวุธหนักจริงหรือไม่นั้น พล.ร.ต.สุรสันต์ ระบุว่า มีกลไกคณะผู้สังเกตการณ์จากผู้แทนสมาชิกอาเซียน หรือ AOT จำนวน 8 ประเทศ โดยมีหน้าที่รายงานไปยังหน่วยขึ้นตรงของแต่ละประเทศ ถ้ามีปัญหาใดๆ ทางฝ่ายไทยหรือฝ่ายกัมพูชาจะรายงานหรือแจ้งไปที่ฝ่าย AOT เพื่อให้รายงานและสร้างแรงกดดันไปยังอีกฝั่งหนึ่ง

...

นำร่อง 13 พื้นที่เก็บกู้ระเบิด

“ขอยืนยันว่าเรามีกลไกในเรื่องของการตรวจสอบ ส่วนการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งประชาชนมีความจำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปในป่าเพื่อหาพืชพรรณ ซึ่งหากยังมีระเบิดในพื้นที่ยังจะส่งผลอันตราย โดยได้มีการจัดตั้งชุดประสานงานร่วมเฉพาะกิจ (JCTF) ขึ้นมาเพื่อประสานงานในพื้นที่ต่างๆ เพื่อจะเข้าไปเก็บกู้ระเบิด”พล.ร.ต.สุรสันต์  กล่าวและว่า

ฝ่ายไทยเสนอพื้นที่นำร่อง 13 พื้นที่ในเรื่องการเก็บกู้ระเบิด ที่ผ่านมาเริ่มมีการดำเนินการไปบ้างแล้ว ในบางส่วนมีการถูกขัดขวางจากกัมพูชาบ้าง แต่เรามีกลไกเจรจาและพูดคุยเพื่อให้บรรลุในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และยืนยันว่า จะไม่มีกองกำลังของอาเซียนเข้ามาร่วมสังเกตการณ์ จะเป็นเพียงผู้แทนของประเทศทางการทูตเท่านั้น