“นายกฯ อนุทิน” ถึงไทยอารมณ์ดี โพสต์เพลง “บ้านเรา” นำรัฐมนตรีทีมไทยแลนด์ แถลงผลประชุมอาเซียน-เอเปค ปลื้มไทยคืนจอเรดาร์โลก เผย “สี จิ้นผิง” พอใจไทยไม่เปิดคาสิโน ขณะ “จ๋า” ภริยา ยิ้มแย้ม นั่งแยกอีกคัน


วันที่ 1 พ.ย. 2568 ที่ อากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางกลับจากการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงสัปดาห์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC Economic Leaders’ Week: AELW) ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายน 2568 ณ เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี โดยทันทีที่เครื่องลงจอด นายกรัฐมนตรีได้โพสต์เนื้อเพลง ผ่าน Facebook ส่วนตัวท่อนหนึ่งว่า “บุญนำพา กลับมาถึงถิ่น ทรุดกายลงจูบดิน ไม่ถวิลอายใคร” พร้อมกับใส่ทำนองเพลง “บ้านเรา” ซึ่งขับร้องโดย ตู่นันทิดา แก้วบัวสาย


จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน พร้อมด้วย นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จากการเข้าร่วมประชุมตลอดสัปดาห์ในครั้งนี้ ได้พบกับผู้นำรวม 15 ประเทศ 3 องค์การระหว่างประเทศ และผู้บริหารระดับสูงหรือ CEO กว่า 20 บริษัทชั้นนำของโลก

“ในทุกวงประชุม เราได้เลือกสิ่งที่เขาน่าจะลงทุนและร่วมมือกันได้ไปคุย นั่นหมายความว่า หลังจากกลับมาแล้ว เราก็มีทีมที่จะไปเจรจาต่อเพื่อให้ได้ผลเป็นตัวเลข เป็นรายได้เข้าประเทศ พี่น้องชาวไร่ชาวนาจะขายผลผลิตได้ในราคาดีขึ้น แรงงานไทยจะมีทางเลือกในการทำงานมากขึ้น นักท่องเที่ยวจะมาเที่ยวมากขึ้น และเด็กไทยจะมีโอกาสไปศึกษาในสาขาที่ต้องการด้วยตัวเลือกปลายทางที่มากขึ้น”

...


นายอนุทินชี้แจงว่า ในทางพาณิชย์ ประเทศไทยเน้น 4 เรื่องหลักที่จะวางตำแหน่งให้ไทยเป็นศูนย์กลางหรือฮับของภูมิภาค ได้แก่ เรื่องความมั่นคงทางอาหาร การคมนาคมขนส่งโลจิสติกส์ การเป็นศูนย์กลางทางดิจิทัล และเศรษฐกิจสีเขียว

“ในวงประชุมครั้งนี้ เราได้ทำการเปิดตลาดข้าวและสินค้าเกษตรของไทยให้กว้างขึ้น ให้คนไทยขายข้าวและพืชผลทางการเกษตรได้มากขึ้นในราคาที่ดีขึ้น เราได้มีการเจรจาเรื่องการเพิ่มโควตาแรงงานถูกกฎหมายในเกาหลีใต้ เปิดโอกาสให้คนไทยไปทำงานได้มากขึ้นและขอให้มีการดูแลการเข้าเมืองของนักท่องเที่ยวไทย ให้มีมาตรฐานที่ดีขึ้น เราได้สร้างความร่วมมือกับรัฐบาลแคนาดาในหลายด้าน ตั้งแต่การท่องเที่ยวที่จะมีการเปิดเที่ยวบินเพิ่มเพื่อให้บินตรงถึงกันได้อย่างสะดวก และเน้นการเป็น “ฮับแห่งความมั่นคงทางอาหาร” เพราะประเทศเขามีหลายอย่างที่ปลูกเองไม่ได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว


สำหรับการเจรจาแบบทวิภาคีกับอีกหลายประเทศ นายอนุทินชี้แจงว่าได้มีข้อตกลงความร่วมมือที่สำคัญเกิดขึ้นในหลายด้าน เช่น ไทย-สิงคโปร์จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจในเรื่องการค้าข้าวเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารของภูมิภาค ไทย-มาเลเซียตกลงที่จะใช้ศักยภาพสินค้าเกษตรไทยหนุนห่วงโซ่อาหารโลก และประเทศไทยจะร่วมผลักดันให้มีการทบทวนข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างอาเซียน-อินเดีย เพื่อลดอุปสรรคทางการค้า

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังเปิดเผยว่า ได้มีการหารือกับบรูไนถึงการสานต่อความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหารฮาลาล การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การส่งออกสินค้าเกษตร และการส่งเสริมการค้าการลงทุนในอีกหลายด้านด้วย


“ความร่วมมือเหล่านี้ก็จะเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาด ราคาสินค้าเกษตรของเราจะมีเสถียรภาพขึ้นและเป็นการลดต้นทุนโลจิสติกส์ในระยะยาว ซึ่งสำหรับประเทศที่มีศักยภาพในการลงทุน ผมก็ได้ชักชวนให้ภาคเอกชนของเขาเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ระบบการจ่ายเงินดิจิทัล ศูนย์ข้อมูลดาต้าเซ็นเตอร์ เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการบริการด้านสุขภาพด้วย”


นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่าประเทศไทยตั้งใจจะเป็นผู้นำในภูมิภาคในเรื่องการร่วมกันต่อต้าน “อาชญากรรมข้ามชาติ” ต่อไป ซึ่งข้อเสนอของไทยที่เสนอให้มีการจัดการประชุมระหว่างประเทศเรื่องการปราบอาชญากรรมข้ามชาติก็ได้รับการตอบสนองอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะจากประเทศจีน สหรัฐ แคนาดา เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ซึ่งได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมด้วย


นายกรัฐมนตรีระบุว่า ภารกิจครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางของทีมไทยแลนด์เพื่อเศรษฐกิจและความมั่นคงซึ่งเป็นไปด้วยเกียรติภูมิของประเทศ พร้อมย้ำว่า “เรายืนบนหลักการของความถูกต้องและผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจหรือความมั่นคง พร้อมให้ความมั่นใจว่าในทุกการลงนามไม่ว่าจะเป็นแนวทางสันติภาพไทย-กัมพูชา กรอบความตกลงทางการค้า หรือบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการศึกษาพัฒนาแร่สำคัญ ล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและเป็นไปตามกฎหมายไทยอย่างเคร่งครัด


ในช่วงท้ายของการแถลงข่าว นายกรัฐมนตรีได้ให้รายละเอียดถึงการหารือกับประเทศสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยหลังจากได้มีการพบปะหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ เจ ทรัมป์ หลายครั้งระหว่างการเยือนทั้งสองประเทศเพื่อให้เกิดความมั่นใจในพัฒนาการของการเจรจาด้านภาษีแล้ว นายอนุทินก็ได้พบปะกับประธานาธิบดีของสาธารณรัฐประชาชนจีนวานนี้ ซึ่งเป็นการหารือทวิภาคีที่ฝ่ายไทยได้เน้นเรื่องการสานต่อความสัมพันธ์ โดยเฉพาะในปีนี้ซึ่งเป็นปีที่ไทยกับจีนเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 50 ปี

“การเจรจาก็เป็นไปด้วยดีและเต็มไปด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยท่านสี จิ้น ผิง ยังได้แสดงท่าทีคลายกังวล เมื่อได้ทราบว่ารัฐบาลไทยในปัจจุบันไม่มีนโยบายให้เปิดคาสิโนแล้ว ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลจีนจะสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาอย่างสบายใจได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าจากการหารือครั้งนี้ จีนได้เปิดรับโควตาซื้อข้าวจากไทยเพิ่มอีกห้าแสนตัน


นายอนุทินได้กล่าวขอบคุณการทำงานของคณะผู้แทนไทยว่าเป็นไปด้วยความรอบรู้และรอบคอบ พร้อมให้ความเชื่อมั่นทิ้งท้ายว่า “ประตูหลายบานที่เปิดไว้จะนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของพี่น้องประชาชนชาวไทย จะทำให้คนไทยมีเงินในกระเป๋าที่มากขึ้นและความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตที่เพิ่มขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว”