วงเสวนาแรงงาน “ตรีนุช” รับ เรื่องแรงงานไทยแทบปรับตัวไม่ทัน “วีระยุทธ” เผย เรื่องน่าห่วงคือแผนยุทธศาสตร์ Reskill 2 กระทรวงยังไม่ซิงค์กัน ด้าน “ษัษฐรัมย์” ชี้วิกฤตของกองทุนบำนาญคือการทุจริต ไม่ใช่เพราะต้องนำงบมาดูแลคนแก่หรือเด็ก
วันที่ 1 พ.ย. 2568 ที่ อาคารรัฐสภา มีการจัดงานประชุมวิชาการด้านแรงงานของประเทศไทย หัวข้อ “แรงงานไทยท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง” จัดโดยกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร กรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา, มูลนิธิ ฟรีดริช เอแบร์ท ประเทศไทย, ไทยรัฐกรุ๊ป และพิพิธภัณฑ์แรงงานไทย โดยมีทั้งนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญประเด็นแรงงานในมิติต่างๆ มากมาย ร่วมวงเสวนา
ด้านนางตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่องทิศทางของกระทรวงแรงงานไทย ภายใต้การเปลี่ยนแปลง ว่า “ยอมรับว่าเราแทบจะเตรียมตัวกันไม่ทันเลยทีเดียว กับการเปลี่ยนแปลงถึงกระแสโลกที่เปลี่ยนไป วันนี้เมื่อเราพูดถึง AI พูดถึงเกี่ยวกับดิจิทัล เราจะทำยังไงที่จะทำให้คนของเราที่อยู่ในตลาดแรงงานหรือคนของเราที่เข้าสู่ระบบแรงงาน”
ประเด็นความท้าทายที่ตลาดแรงงานไทยกำลังเผชิญ มี 4 เรื่อง
1 การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเชิงประชากร ปี พ.ศ. 2568 จะเป็นปีแรกที่ประเทศไทยมีอัตราการเกิดของประชากรต่ำกว่า 500,000 คน ซึ่งลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับ 700,000 คนเมื่อ 10 ปีก่อน
2 เทคโนโลยีเปลี่ยนฉับพลัน การเข้ามาของ AI ภาคธุรกิจมุ่งเน้นทักษะนี้มากขึ้น แต่การศึกษาและการพัฒนาบุคลากรตามไม่ทัน
3 ทักษะแรงงานไม่ตรงกับความต้องการ (Skills Mismatch) ผู้ประกอบการต้องการแรงงานที่มีทักษะสมัยใหม่ แต่แรงงานจำนวนมากในระบบขาดทักษะที่จำเป็น เกิดภาวะ “ว่างงานแฝง”
4 ปัจจัยภายนอกทางเศรษฐกิจและการเมือง สถานการณ์สงครามโลกส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดแรงงานและเศรษฐกิจไทย เช่น นโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกา หรือความไม่สงบในภูมิภาค เช่น สถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักของการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามชาติ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในภาคเกษตรและก่อสร้าง
...
โดยจะมียุทธศาสตร์และแนวทางการดำเนินงานของกระทรวงแรงงาน ดังนี้
1. การจัดการภาวะขาดแคลนแรงงาน โดยจัดหาแรงงานทดแทน
2. ยกระดับทักษะแรงงาน (Upskill & Reskill)
3. ส่งเสริมสวัสดิการและความมั่นคงในอาชีพ
4. การขยายโอกาสการทำงานในต่างประเทศ
5. การปฏิรูปบริการสู่ระบบดิจิทัล
“วีระยุทธ” ชี้ช่องว่างแรงงานไทยยังน่าห่วงเรื่องแผนยุทธศาสตร์
ด้าน นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงประเด็นความท้าทายสำคัญในการพัฒนากำลังคนของประเทศไทย ว่า “กระทรวงแรงงานมีแผน กระทรวงอุตสาหกรรมก็มีแผน แต่ปรากฏว่า ขาที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานเรื่องการ Reskill ยังไม่ ซิงค์กัน ยังไม่เดินตาม ยีราฟตัวนี้เลยเดินไปไม่ถึงไหนและอาจล้มลงตรงนี้ครับ”
นายวีระยุทธยังได้กล่าวให้เห็นถึงช่องว่างที่น่ากังวลระหว่างการวางแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติกับการปฏิบัติงาน คือ การขาดการบูรณาการและการปฏิบัติตามแผนแม่บท นอกจากนี้ยังพบการยึดติดกับตัวชี้วัดเชิงปริมาณ (KPI) ที่บิดเบือนความเป็นจริง
กรณีศึกษาที่ชัดเจนคือ การจัดสรรงบประมาณในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ไม่ตอบโจทย์การพัฒนาทักษะ งบประมาณส่วนใหญ่มุ่งไปที่การอุดหนุนการซื้อขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แทนที่จะเป็นการลงทุนเพื่อยกระดับและปรับทักษะ (Reskill) แรงงานกว่า 700,000 คนในภาคส่วนนี้อย่างจริงจัง หรืออย่างโครงการจัดหางานขนาดใหญ่อย่าง Job Expo แม้จะสร้างตัวเลขผู้เข้าร่วมที่สูง แต่กลับมีอัตราการจ้างงานจริงที่ต่ำมาก และไม่ตอบสนองความคาดหวังของผู้หางานอย่างแท้จริง
“ษัษฐรัมย์” ชี้วิกฤตกองทุนบำนาญคือการทุจริต ไม่ใช่ต้องนำงบมาดูแลคนแก่
ด้าน นายษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี อาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบอร์ดผู้ประกันตนของสำนักงานประกันสังคม ชี้ให้ความเห็นในประเด็นการปฏิรูประบบประกันสังคมว่า “ไม่มีสังคมไหนล่มสลายเพราะดูแลคนแก่ ไม่มีสังคมไหนล่มสลายเพราะดูแลเด็ก …วิกฤตของกองทุนบำนาญที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะพ่อแม่ของเราแก่ แต่เกิดขึ้นเพราะความไม่โปร่งใสของคณะกรรมการ”
นายษัษฐรัมย์ ยังให้ความคิดเห็นถึงวิกฤตที่แท้จริงของระบบบำนาญไทยที่ไม่ได้เกิดจาก “สังคมผู้สูงอายุ” นี่เป็นวาทกรรมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อจำกัดจินตนาการในการแก้ปัญหา แต่เกิดจากปัญหาการบริหารจัดการที่ขาดความโปร่งใสและการขาดเจตจำนงทางการเมือง การปฏิรูปที่ประสบความสำเร็จต้องอาศัยเจตจำนงทางการเมืองเป็นตัวนำ มากกว่าการรอข้อมูลหรือกฎหมายที่สมบูรณ์แบบ
ในปัจจุบันมีการผลักดันแผนปฏิรูประบบบำนาญ 3 ระยะ
ระยะที่ 1 คือการปรับสูตรบำนาญเพื่อความเป็นธรรมได้ดำเนินการไปแล้ว
ระยะที่ 2 คือการสร้างระบบแต้มบำนาญที่ยืดหยุ่น
ระยะที่ 3 คือการขยายความครอบคลุมสู่แรงงานทุกคนในประเทศ
อย่างไรก็ตาม มีความท้าทายสำคัญคือความไม่โปร่งใสในการลงทุนของกองทุน (กรณีการลงทุนใน STARK) และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ล้าสมัยซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาสิทธิประโยชน์
สำหรับงานประชุมวิชาการด้านแรงงานของประเทศไทย หัวข้อ “แรงงานไทยท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง” ครั้งนี้จะจัดจนไปถึงวันที่ 2 พ.ย. 2568 นี้