“ธรรมนัส” นำ 4 กระทรวงจับมือ 3 สมาคมท้องถิ่น ลงนาม MOU บูรณาการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนทุกช่วงวัยขับเคลื่อนนโยบาย “Family First” เน้นลดรายจ่าย–สร้างรายได้–ยกระดับคนฐานรากสู่ความยั่งยืน


เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 29 ต.ค. 2568 ที่อาคารอิมแพค เมืองทองธานี ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีลงนามความร่วมมือ (MOU) การบูรณาการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนทุกช่วงวัยทั่วไทย เป็นการผนึกกำลังการทำงานระหว่าง 4 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) , กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) , กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) ร่วมกับ 3 สมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยมี นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมเป็นสักขีพยาน

ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ความร่วมมือที่เกิดในครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในกลุ่มต่างๆ โดยก่อนหน้านี้ตนเองได้ลงพื้นที่พร้อมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เห็นว่าชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อยหาเช้ากินค่ำ มีคุณภาพชีวิตที่แย่ บางคนยากจน จึงได้กลับมาคิดว่าจะมีวิธีใดที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นสามารถลืมตาอ้าปาก สามารถใช้ชีวิตในสังคมนี้ได้ แล้วรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของตนเอง ก็มีความสามารถและพร้อมที่จะบูรณาการการทำงานร่วมกันของทั้ง 4 กระทรวง วันนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการมาร่วมกันผนึกความร่วมมือเพื่อลงไปช่วยเหลือและดูแลประชาชนเหล่านั้น พร้อมย้ำว่าเจตนาของตนเองอยากเห็นประชาชนทุกคนลืมตาอ้าปาก อยากจะลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ให้กับประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกร วันนี้จึงเป็นการเริ่มต้นในการร่วมมือกันเพื่อจะทำให้ชีวิตของคนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

...


ร.อ.ธรรมนัส กล่าวเพิ่มเติมว่า การมีส่วนร่วมของ 3 สมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะเป็น “กระจกสะท้อนปัญหาของประชาชน” เพื่อให้หน่วยงานส่วนกลางรับฟังและจัดสรรงบประมาณลงสู่พื้นที่อย่างตรงจุด “ไม่ปล่อยให้ครอบครัวใดต้องอยู่ตามลำพัง” พร้อมย้ำว่า การพัฒนาใด ๆ จะยั่งยืนได้ก็ต่อเมื่อเริ่มจาก “การพัฒนาคน” เป็นลำดับแรก

“ผมไม่ต้องการให้เห็นภาพว่าเรามาทำกันในวันนี้แล้วจบไปโดยไม่มีการสานต่อ ผมฝากทั้ง 4 กระทรวงไว้เลยครับ อันนี้ถือว่าเป็นนโยบาย เพราะผมยืนยันว่าสิ่งที่เรามาเสียเวลากันทั้งวันจะต้องไม่เปล่าประโยชน์ แต่จะต้องทำให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

ฝากการบ้าน อปท.สานต่อ

รองนายกรัฐมนตรี ได้ฝากถึงผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้กลับไปสำรวจพื้นที่ มาวันนี้อย่างน้อยท่านต้องมีอะไรติดตัวกลับบ้าน หมายความว่าท่านต้องไปทำการบ้านต่อ และประสานเจ้าหน้าที่ของแต่ละกระทรวงในแต่ละพื้นที่ ผมฝากเป็นนโยบาย ฝากถึงปลัดทั้ง 4 กระทรวง ฝากถึงท่านอธิบดี รองอธิบดี และผู้บริหารทุกระดับให้นำไปปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงในวันนี้


ลดรายจ่าย สร้างศก.ใส่ใจ

ด้านนายอัครา กล่าวว่า ตนได้มอบนโยบายให้กับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และได้นิยามแนวทางการทำงานของกระทรวง พม. ภายใต้นโยบาย “พม.ใกล้คุณ ลดรายจ่าย สร้างรายได้ รีสตาร์ทชีวิต” เพื่อพัฒนาแนวทางการทำงานของหน่วยงานภายใต้กระทรวง พม. โดยยึดครอบครัวเป็นศูนย์กลาง และวางแผนการพัฒนาคนแบบ Family First ที่ต้องเริ่มต้นจากครอบครัว มีการเชื่อมสิทธิและสวัสดิการที่พึงได้ การติดตามแก้ไขหนี้สินแบบมุ่งเป้า และการพัฒนาอาชีพใกล้บ้าน ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจใส่ใจ หรือ Care Economy ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว จำเป็นต้องมีการบูรณาการทำงานระหว่างหน่วยงาน เป็นกลไกสำคัญในการช่วยแก้ปัญหาสังคม และปัญหาของกลุ่มคนเปราะบางของประเทศไทยได้ ทั้งนี้ จึงขอเชิญร่วมเป็นพันธมิตรในการทำงานในมิติใหม่แบบบูรณาการร่วมกับกระทรวง พม. ซึ่งนโยบาย “พม. ใกล้คุณ” สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล และเป็นนโยบายที่มาจากปัญหาใกล้ตัว โดยประกอบด้วย 2 นโยบายสำคัญ ได้แก่ การลดรายจ่ายครัวเรือนเปราะบางทั่วประเทศ และการสร้างเศรษฐกิจใส่ใจ (Care Economy) ด้วยการสร้างอาชีพใกล้ครอบครัวให้มากยิ่งขึ้น

หวังกลุ่มเปราะบางมีอาชีพใกล้บ้าน

นายอัครา กล่าวด้วยว่า การลงนาม MOU ในวันนี้ ยังเป็นโอกาสในการเริ่มต้นการพัฒนาคนในสังคมที่ใส่ใจจากหน่วยเล็กๆ จากครอบครัวสู่ชุมชน หมู่บ้านสู่ตำบล อำเภอสู่จังหวัด เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาคนของชาติแบบบูรณาการร่วมกันทั้ง 7 หน่วยเข้ามาร่วมกันชี้เป้าพื้นที่แล้ว ยังเป็นหน่วยงานสำคัญในการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ร่วมกับกระทรวง พม. ในการเชื่อมโยงกับหน่วยงานของพื้นที่กับหน่วยงานผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ในการดูแลกลุ่มเปราะบางให้มีอาชีพใกล้บ้านได้จริง


ลงนามปรับปรุงบ้านพักครู

นอกจากนี้ ดร.นฤมล ยังได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความร่วมมือ โครงการจัดสวัสดิการที่พักสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และการเคหะแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงการเรือธงของร้อยเอกธรรมนัส ที่ต้องการให้ครูมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงและปลอดภัย เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ โดยปัจจุบัน สพฐ. มีบ้านพักครูอยู่ในความดูแลกว่า 41,000 หลัง โดยพบว่ามีสภาพทรุดโทรมกว่า 14,900 หลัง และในจำนวนนี้กว่า 13,000 หลัง ยังมีครูอาศัยอยู่จริง จึงกำหนดให้เป็น เฟสแรกในการเร่งปรับปรุงภายในปีนี้ และจะบรรจุในแผนพัฒนาเพื่อปรับปรุงให้ครบ 40,000 หลัง ภายในปีงบประมาณ 2570


ชง ครม.เห็นชอบพื้นที่เป้าหมาย

ภายหลังพิธีลงนาม ดร.นฤมล ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนการลงนาม สพฐ.ได้ดำเนินการสำรวจข้อมูลเบื้องต้นไว้แล้วว่าพื้นที่ใดเป็นพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งขั้นตอนต่อไปคือกระทรวงศึกษาธิการจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ความเห็นชอบในหลักการ จากนั้นการเคหะแห่งชาติจะดำเนินการจัดหาแหล่งเงินทุน และพัฒนาในแต่ละเฟส ทั้งการปรับปรุง ซ่อมแซม หรือสร้างใหม่ เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

“เมื่อได้พื้นที่เป้าหมายครบแล้ว จะเข้าสู่กระบวนการเตรียมงบประมาณผูกพันระยะยาวในการชำระคืนให้กับการเคหะฯ ถือว่า ขณะนี้โครงการเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ในเร็ว ๆ นี้” ศ.ดร.นฤมล กล่าวทิ้งท้าย