“โรม” บอก นายกฯไม่ต้องท้าเปิดชื่อนักการเมืองเอี่ยวสแกมเมอร์ เชื่อตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว ขออย่าผลักภาระให้ฝ่ายค้าน ถ้าทำจริงทำได้เลย ถามกลับที่ไม่จับใครได้ประโยชน์ 


วันที่ 29 ต.ค. 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน กล่าวถึงความคืบหน้าที่คณะกรรมาธิการ จะมีการประชุมกรรมาธิการวันพรุ่งนี้ ที่ได้เชิญ 4 บุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ซึ่งคณะกรรมาธิการพยายามให้เกียรติ ทั้ง 4 คนที่จะเชิญมา ด้วยการทำหนังสือเชิญให้มาชี้แจงด้วยตนเอง เพราะเรื่องนี้จะไม่สามารถมอบหมายให้คนอื่นมาชี้แจงแทนได้ ในวันพรุ่งนี้(30 ต.ค.2568)อาจจะต้องมารอลุ้นว่าทั้ง 4 คน จะตอบรับคำเชิญของคณะกรรมาธิการหรือไม่ ซึ่งกรรมาธิการจะรอจนวินาทีสุดท้าย และยืนยันว่า ตนไม่ได้กังวลว่าทั้ง 4 คนจะมาหรือไม่มาเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่วาระของประเทศไทยอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องระดับโลกไปแล้ว และบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ถูกจับตาในระดับโลก กฎหมายไทย อาจจะทำอะไร คนที่เข้าไปเชื่อมโยงเกี่ยวข้องไม่ได้ แต่ไม่สามารถหลุดพ้นจากความยุติธรรม และขอยืนยันว่าการทำงานของตนเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา ถ้าไม่ให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ก็จะถูกนำไปใช้ประโยชน์ แต่หากไม่มา ก็ต้องไปตอบคำถามกับสังคม และประชาชน เพราะแค่เรื่องความสัมพันธ์ยังไม่กล้ามาชี้แจง และประชาชน จะคิดยังไงก็ขอให้ทั้ง 4 คนไปคิดเอาเอง

เชื่อตำรวจมีข้อมูลในมือ

นายรังสิมันต์  ยังกล่าวถึงที่ นายกรัฐมนตรี ท้าให้เปิดชื่อนักการเมืองช. ที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมาท้า เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีชื่อหมด ก่อนหน้านี้พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล ก็ออกมาเปิดข้อมูลบางส่วนแล้ว จึงไม่ใช่คนเดียวที่มีข้อมูลคนอื่น ตำรวจคนอื่นก็มีข้อมูล รวมไปถึงผบ.ตร. แต่ทำไมจึงยังเงียบอยู่ ไม่มีการดำเนินการอะไร แต่มาผลักภาระการพิสูจน์ ให้เป็นของฝ่ายค้าน ทำอย่างกับว่าเครื่องมือการตรวจสอบของฝ่ายค้านมีมากกว่าฝ่ายบริหาร ถ้านายอนุทินหูหนวกตาบอด ก็ควรนำสิ่งที่ฝ่ายค้านเสนอ ไปแก้ปัญหาก็จะเป็นประโยชน์ที่สุด ตนเองก็พร้อมให้ความร่วมมือกับนายกรัฐมนตรี ถ้าจะเชิญไปพูดไปให้ข้อมูล กับคณะกรรมการที่นายกตั้งขึ้นมา ก็ยินดีไป ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย แต่เมื่อกมธ. ความมั่นคง ขอความร่วมมือให้นายกมาให้ข้อมูลกับเรา เพื่อจะสอบข้อเท็จจริง ก็คาดหวังความร่วมมือเช่นเดียวกัน

...

เปิดชื่อ ยิม เลียก เป้าหมายสำคัญ

เมื่อถามต่อว่า จะเชิญคนที่เกี่ยวข้องให้มาชี้แจงกับกรรมาธิการเพิ่มเติมหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่าจะเชิญแบบกลุ่ม และตัวบุคคล ส่วนนายกรัฐมนตรีที่เชิญมา เพราะเป็นคนที่ตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพราะนายกบอกว่าเป็นวาระแห่งชาติแล้ว จึงอยากรู้ว่าวาระแห่งชาติดำเนินการได้มากแค่ไหน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และตำรวจสันติบาล อย่างกรณี เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ก็จะเชิญมาให้ข้อมูล เพราะหนึ่งในข้อมูลที่ได้รับมา นายเบน สมิธ ได้ขอสัญชาติไทยแต่ไม่ได้รับ ถูกตีกลับไปให้ตำรวจสันติบาล กรรมาธิการก็อยากได้ข้อมูลว่าไปตรวจสอบเจออะไรหรือเปล่า ถึงตีกลับ ยืนยันว่ากรรมาธิการพยายามจะตรวจสอบข้อเท็จจริง และไม่ใช่นายเบน สมิธ ที่เป็นเป้าหมาย รวมไปถึงนายยิม เลียกที่เป็นเป้าหมายสำคัญเช่นกัน ซึ่งวันนี้ก็มีบุคคลเกี่ยวข้องอีก

อยากเห็นรัฐบาลปราบจริงจัง

นายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า อยากคาดหวังให้รัฐบาลทำงานเสียที ถ้าไม่ทำงานแต่มามัวท้าให้เปิดข้อมูล ตนเองคิดว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาท้า แต่อยากเห็นการปราบสแกมเมอร์อย่างจริงจังเสียที และถือว่าเป็นความเชื่อมั่นของรัฐบาลตราบใดที่ คนระดับรองนายกรัฐมนตรี ถูกตั้งคำถามเรื่องความสัมพันธ์ และเชื่อมโยงกับแก๊งสแกมเมอร์อยู่

จับได้เลย นักการเมือง ช.

ส่วนนักการเมืองช. นายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า ไม่ต้องตรวจสอบจริงๆแล้ว จับเลยก็ได้ เพราะหน่วยงานรัฐมีข้อมูลหมดแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าหน่วยงานรัฐทำไมไม่เอาผิด และอีกหลายตัวละคร เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้ทันที หรือเพราะมีผลประโยชน์ได้เสียร่วมกัน ถึงไม่ยอมดำเนินการ ทั้งนี้เราก็ไม่อยากจัดการกับปลาซิวปลาสร้อยแล้ว แต่อยากจัดการกับตัวสำคัญของเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลสาวถึงกระบวนการใหญ่ได้แน่นอนถ้าทำจริง เพราะทั้งสหรัฐอเมริกาและอังกฤษที่อยู่ไกลยังดำเนินการได้ แต่ประเทศไทยอยู่ใกล้กระบวนการ แค่นี้แต่กลับทำไม่ได้ รู้แม้กระทั่งนักการเมืองไทยไปเกี่ยวข้องยังไงบ้าง แต่ไม่ดำเนินการ หลายคนในครม.ชุดนี้หลายคนก็รู้อยู่แล้ว ว่ามีใครบ้าง จนตอนนี้ตนนั่งนับก็น่าจะเกิน 7 คนแล้ว จนบางคนไม่ได้เป็นนักการเมืองก็มาเป็นนักการเมืองแล้ว จึงทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาชญากรการฟอกเงินของแก๊งสแกมเมอร์ 

ห่วงทุนเทายึดประเทศ

“สิ่งที่ผมเป็นห่วงคือ ทุนเทายึดประเทศ เพราะกำลังมีการใช้เงินสีเทา เข้ามา ยึดกิจการ ห้าง ร้านต่างๆ ของคนไทย ด้วยการตั้งธุรกิจแข่งกับคนไทย และเงินเหล่านี้ก็เป็นเงินของผู้มีอำนาจที่จะใช้ในการเมือง จนนำไปสู่ผู้มีอำนาจรัฐ ปกป้องทุนสีเทาทั้งหลาย”

ถามกลับรัฐบาลนิ่ง ใครได้ประโยชน์

ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่ารัฐบาลดูนิ่งไป กับการปราบสแกมเมอร์ นายรังสิมันต์ โรม ได้ตั้งคำถามกลับว่า การที่รัฐบาลนิ่งใครได้ประโยชน์ แล้วถ้าแก๊งสแกมเมอร์ได้ประโยชน์ แล้วใครได้ประโยชน์จากสแกมเมอร์ไม่ถูกตรวจสอบ แล้วที่นายชาดาบอกว่าให้ เอาโจรไปปราบโจร ก็แสดงว่านายชาดารู้ว่าใครเป็นโจร นายกรัฐมนตรี และคนระดับนายกรัฐมนตรีอย่างนายอนุทิน ที่เป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง ที่วันนี้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะไม่รู้เลยเหรอว่าใครเป็นโจร ทั้งนี้ตนคิดว่า “ให้โจรไปปราบโจรไม่ได้หรอก จะมีแต่โจรไปอุ้มโจร”

ยินดีให้ข้อมูลนายกฯ

นายรังสิมันต์ โรม กล่าวทิ้งท้ายว่า ไม่ได้พูดลอยๆ ข้อมูลและสิ่งที่ตนพูดมาทั้งหมดไม่ได้พูดลอยๆ ยินดีจะให้ข้อมูลกับนายกรัฐมนตรีทั้งหมด ที่ผ่านมาตรวจสอบมาหลายเรื่อง ไม่มีเรื่องไหนที่พูดลอยๆ อย่างที่สหรัฐอเมริกา ยื่นเรื่องร่างกฎหมาย โดยมีการระบุชื่อ นายยิม เลียก และ นายเบน สมิธ ลงไปในร่างกฎหมายคิดว่าข้อมูลนั้น เป็นข้อมูลลอยๆหรือเปล่า และที่ตนพูดถึง นายลี ยงพัด จนวันนี้ได้มีการยึดทรัพย์น้อยมาก 70 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่เรื่องพูดลอยๆ

ยันนักการเมืองไทยเกี่ยวข้องหลายคน

ส่วนที่บอกว่ามีนักการเมืองไทยเข้าไปเกี่ยวข้องและหลายคน มายืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ยืนยันว่าที่พูดมามีข้อมูล ไม่ได้กล่าวหาหรือพูดลอยๆ แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติ แต่วันนี้คนที่ต้องการดิสเครดิตตน ตกลงได้ประโยชน์จากแก๊งสแกมเมอร์ใช่หรือไม่ รวมไปถึง การที่นายกรัฐมนตรีไม่ให้สัญชาตินายเบน สมิธ หากเป็นคนดีจริง ปราศจากเรื่องเศร้าหมอง ทำไมถึงไม่ให้สัญชาติไทย นายกรัฐมนตรีต้องตอบคำถามตัวเองมากกว่า