“อนุทิน” ขอโทษทำประชาชนสับสนปมรุกล้ำบ้านหนองจาน แจงมี AOT ตรวจสอบกัมพูชาถอนอาวุธ-กู้ทุ่นระเบิด ไร้คุยเปิดด่านกับ “ฮุน มาเนต” รับ 4 ข้อตกลงไม่จบในรัฐบาลนี้ เหตุแก้สแกมเมอร์ต้องเริ่มใหม่
เมื่อเวลา 15.50 น. วันที่ 28 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ที่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง ภายหลังเดินทางจากประเทศมาเลเซีย กลับถึงไทย กรณีหลักการหากไทยมีการรุกล้ำพื้นที่กัมพูชา จนทำให้เกิดกระแสดราม่า ว่า เรื่องนี้ตนได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้ว ซึ่งต่างคนก็ต่างทำตามข้อตกลงที่ระบุไว้ ที่ตนพูดคือพื้นที่อ้างสิทธิ์ที่ต้องทำให้เกิดความชัดเจน
เมื่อถามว่าพื้นที่อ้างสิทธิดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาอยู่ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นพื้นที่ที่มีปัญหากันอยู่ ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องเจรจากันต่อไปเพื่อให้เกิดความชัดเจน เรื่องนี้ไม่มีอะไร ส่วนเรื่องนี้หากทำให้เกิดความสับสนตนต้องขอโทษ แต่ต้องการบอกว่าทุกอย่างทั้งสองฝ่ายต้องทำตามข้อตกลงที่มีกันอยู่
...
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังย้ำถึงการลงนามในข้อตกลง วันนี้ทางฝ่ายกัมพูชาขอพบและแจ้งให้ทราบว่าข้อตกลงต่างๆ จะดำเนินไปด้วยความรวดเร็ว ซึ่งตนกล่าวกับ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่า ประเทศไทยเรามีความพร้อมในส่วนของเราเมื่อทางกัมพูชาพร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อ โดยทางกัมพูชายืนยันจะเร่งปฏิบัติ พร้อมทั้งกล่าวว่าในส่วนที่ต้องดำเนินการ เช่น กรณีการส่งตัวเชลยศึกคืนทั้ง 18 คน หากฝ่ายทหารมีความแน่ใจว่าจะทำเรื่องนี้ให้จบก็จะมีการส่งตัวเชลยศึกคืน และมีการเตรียมการตรวจสุขภาพเพื่อให้มั่นใจว่ากลับไปแล้วจะไม่มีการตั้งข้อสงสัยว่าถูกปฏิบัติไม่ดีหรือถูกทารุณหรือไม่
นายกรัฐมนตรี ยืนยันด้วยว่าไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการเปิดด่านกับนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด ส่วนคำถามจะแน่ใจได้อย่างไรว่าทางกัมพูชาจะทำตามข้อตกลงถอนอาวุธหนักออกจากชายแดน เพราะประเทศไทยยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ นายกรัฐมนตรีระบุว่า ขณะนี้เรามีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ช่วยทูตทหารอาเซียน
ทางด้านคาดหวังว่าข้อตกลงทั้ง 4 ข้อจะจบในรัฐบาลนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะใช้เวลา 1-2 เดือน สำหรับการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ส่วนการปราบปรามสแกมเมอร์ต้องร่วมกันทำงาน เพราะที่ผ่านมาหยุดไป แต่ทางตำรวจและฝ่ายความมั่นคงมีการทำงานร่วมกันมาแต่เมื่อมีปัญหาก็หยุดกันไป ส่วนคำถามว่าจะสามารถสร้างรั้วได้หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุ ค่อยว่ากันต่อไป เพราะเป็นเรื่องของกองทัพที่ต้องเจรจากันต่อ.